สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัท ชานตง พอร์ท กรุ๊ป (Shandong Port Group) ของจีน ได้ประกาศห้ามเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรเข้าเทียบท่าเรือในมณฑลซานตงทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโรงกลั่นน้ำมันอิสระจำนวนมาก และโรงกลั่นเหล่านี้นำเข้าน้ำมันจากประเทศที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรมากที่สุด
ข้อมูลจากบริษัท เคปเลอร์ (Kpler) ผู้ให้บริการข้อมูลติดตามด้านการขนส่งสินค้า ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา มณฑลซานตงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน รัสเซีย และเวเนซุเอลาประมาณ 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดของจีน
บรรดาผู้ค้ากล่าวว่า หากมีการบังคับใช้คำสั่งห้ามนี้ ต้นทุนการขนส่งของโรงกลั่นน้ำมันอิสระในมณฑลซานตงจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมณฑลซานตงซื้อน้ำมันดิบราคาถูกจากสามประเทศที่ถูกคว่ำบาตรนี้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวอาจทำให้การนำเข้าน้ำมันของจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ชะลอตัวลง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อบริษัทและกองเรือเงาที่ค้าขายน้ำมันจากอิหร่าน
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ น่าจะเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่เคยทำในสมัยแรกที่ดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ ชานตง พอร์ท กรุ๊ป ดูแลท่าเรือหลักบนชายฝั่งตะวันออกของจีน เช่น ท่าเรือชิงเต่า รื่อจ้าว และเหยียนไถ ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญสำหรับการนำเข้าน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตร