เกิดเหตุไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็วในย่านหรูของลอสแอนเจลิสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 ม.ค.) เปลวเพลิงเผาผลาญบ้านเรือนเสียหายหนักและทำให้การจราจรเป็นอัมพาต ประชาชนกว่า 30,000 คน ต้องอพยพหนีตาย กลุ่มควันขนาดมหึมาแผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของมหานคร
เจ้าหน้าที่รายงานว่า ไฟได้เผาผลาญพื้นที่ในย่านแปซิฟิกพาลิเซดส์ ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองชายฝั่งซานตาโมนิกาและมาลิบู ไปแล้วอย่างน้อย 2,921 เอเคอร์ (1,182 เฮกตาร์) ก่อนหน้านี้ได้มีการเตือนถึงอันตรายจากไฟป่าขั้นรุนแรง เนื่องจากลมกระโชกแรงที่พัดมาหลังจากสภาพอากาศแห้งแล้งเป็นเวลานาน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไฟได้ลุกลามขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับที่เจ้าหน้าที่ได้เตือนว่าสภาพลมในช่วงกลางคืนจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจจะต้องมีการอพยพผู้คนเพิ่มขึ้นอีกในหลายชุมชน ต่อมาเมืองซานตาโมนิกาจึงได้ออกคำสั่งอพยพประชาชนในเขตทางเหนือสุดของเมือง
ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า บ้านหลายหลังถูกไฟไหม้ และเปลวไฟลามมาใกล้รถยนต์ที่จอดอยู่ ขณะที่ผู้คนต่างวิ่งหนีตายลงมาจากเนินเขาโทแพงกาแคนยอน ไฟได้ลุกลามจากจุดนั้นลงไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิก
"เรารู้สึกโล่งใจมากที่ในขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ" คริสติน โครว์ลีย์ หัวหน้าหน่วยดับเพลิงลอสแอนเจลิส กล่าวในการแถลงข่าว พร้อมเสริมว่า ประชาชนกว่า 25,000 คน ในบ้านเรือน 10,000 หลัง กำลังตกอยู่ในอันตราย
ภาพข่าวจากโทรทัศน์เผยให้เห็นภาพนักดับเพลิงใช้เฮลิคอปเตอร์ตักน้ำทะเลขึ้นมาโปรยดับไฟที่กำลังโหมไหม้ บ้านเรือนถูกเปลวเพลิงกลืนกิน รถแบ็คโฮต้องคอยเกลี่ยซากรถยนต์ที่ถูกทิ้งไว้ตามท้องถนน เพื่อเปิดทางให้รถพยาบาลและรถดับเพลิงวิ่งผ่านเข้าไปได้
ไฟได้เผาไหม้ต้นไม้บางส่วนในบริเวณรอบ ๆ เก็ตตีวิลลา ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะล้ำค่ามากมาย แต่ทางพิพิธภัณฑ์แจ้งว่า งานศิลปะเหล่านั้นยังคงปลอดภัยดี ส่วนใหญ่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ทางพิพิธภัณฑ์ได้ป้องกันไว้แล้ว โดยการตัดแต่งกิ่งไม้และต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ อาคาร
ก่อนที่ไฟป่าจะเริ่มขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดสำหรับความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่ารุนแรงในหลายพื้นที่ของเคาน์ตีลอสแอนเจลิสตั้งแต่วันอังคารถึงวันพฤหัสบดี (7-9 ม.ค.) โดยคาดการณ์ว่าจะมีลมกระโชกแรงถึง 80-130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติในลอสแอนเจลิสระบุบนเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า สภาพอากาศแห้ง ความชื้นต่ำ และไม่มีฝนตก ทำให้พืชพรรณต่าง ๆ แห้งแล้ง สิ่งเหล่านี้เอื้อให้เกิดไฟป่าได้ง่าย ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก
ผู้ว่าการรัฐฯ เกวิน นิวซัม ซึ่งประกาศภาวะฉุกเฉิน กล่าวเสริมว่า ทางรัฐได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ รถดับเพลิง และเครื่องบินไว้ประจำการในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วแคลิฟอร์เนียตอนใต้แล้ว เพื่อรับมือกับอันตรายจากไฟป่าที่อาจลุกลามเป็นวงกว้าง
"หวังว่าเราจะคิดผิด แต่เราคาดการณ์ว่าจะมีไฟป่าจุดอื่น ๆ ปะทุขึ้นมาพร้อม ๆ กัน" นิวซัมกล่าวในการแถลงข่าว
ต่อมา หน่วยงานดับเพลิงของรัฐแคลิฟอร์เนีย (Cal Fire) รายงานว่า เกิดไฟป่าจุดที่สองชื่อว่า "อีตัน" (Eaton Fire) ขึ้นในบริเวณเชิงเขาเหนือเมืองพาซาดีนา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดแรกเข้าไปในแผ่นดินประมาณ 50 กิโลเมตร ไฟป่าอีตันได้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้ว 200 เอเคอร์ (80 เฮกตาร์)
ทั้งนี้ ลมกระโชกแรงทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องเปลี่ยนแผนการเดินทาง โดยเครื่องบินประจำตำแหน่ง แอร์ ฟอร์ซ วัน ถูกระงับไม่ให้ขึ้นบินจากลอสแอนเจลิส เดิมทีปธน.ไบเดนมีกำหนดจะเดินทางด้วยเที่ยวบินระยะสั้นไปยังโคเชลลาแวลลีย์ เพื่อร่วมพิธีสถาปนาอนุสรณ์สถานแห่งชาติแห่งใหม่สองแห่งในแคลิฟอร์เนีย แต่พิธีดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปเป็นวันอื่นและจะจัดขึ้นที่ทำเนียบขาวแทน
"ผมได้สั่งการให้รัฐบาลกลางพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกด้านที่จำเป็นเพื่อควบคุมสถานการณ์ไฟป่าแปซิฟิกพาลิเซดส์ที่รุนแรงนี้" ไบเดนกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมเสริมว่า งบประมาณช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรับมือไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนีย