ไฟป่าโหมหนักรอบเมืองลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (8 ม.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย บ้านเรือนเสียหายอีกหลายร้อยหลังและผลาญทรัพยากรดับเพลิงและน้ำจนถึงขีดจำกัด ขณะที่ประชาชนกว่า 100,000 คนถูกสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเพลิงไหม้แยกกัน 5 จุดในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังไม่มีจุดใดที่สามารถควบคุมเพลิงได้ ซึ่งรวมถึงเพลิงไหม้ใหญ่ 2 จุดที่โอบล้อมทั้งเมืองไว้ด้วย นอกจากนี้ ลมที่พัดแรงยังเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติภารกิจดับเพลิงและสุมให้ไฟไหม้ปะทุรุนแรงขึ้น โดยเปลวไฟได้ลุกไหม้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่วันอังคาร (7 ม.ค.)
ไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades Fire) ทางตะวันตกได้เผาไหม้พื้นที่ 15,832 เอเคอร์ (6,406 เฮกตาร์) และอาคาร 1,000 หลัง บริเวณเนินเขาระหว่างเมืองซานตาโมนิกาและมาลิบู ก่อนลุกลามลงมาตามหุบเขาโทพันกาจนถึงแนวกันไฟธรรมชาติบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกในวันอังคาร และกลายเป็นหนึ่งในเหตุไฟไหม้ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองลอสแอนเจลิส
ขณะเดียวกัน โรเบิร์ต ลูนา นายอำเภอเทศมณฑลลอสแอนเจลิสกล่าวกับสถานีวิทยุ KNX ว่า ไฟป่าอีตัน (Eaton Fire) บริเวณตีนเขาของภูเขาซานเกเบรียลทางตะวันออกได้เผาไหม้พื้นที่อีก 10,600 เอเคอร์ (4,289 เฮกตาร์) และคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 5 ราย โดยแอคคิวเวเธอร์ (AccuWeather) บริษัทพยากรณ์อากาศเอกชนคาดการณ์ว่า ความเสียหายเบื้องต้นและความสูญเสียทางเศรษฐกิจมีมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์
เควิน แม็กโกวาน ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการเหตุฉุกเฉินของเทศมณฑลลอสแอนเจลิสกล่าวในการแถลงข่าวว่า "เรากำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งประวัติศาสตร์ และผมคิดว่า นั่นอาจไม่พอจะนิยามมันด้วยซ้ำ"