ผลการศึกษาของสำนักงานกำกับดูแลแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืน และวัตถุระเบิดแห่งสหรัฐอเมริกา (ATF) ที่เผยแพร่ในวันพุธ (8 ม.ค.) ระบุว่า "ปืนเถื่อน" ที่ยึดได้จากสถานที่เกิดเหตุนั้น มีจำนวนพุ่งขึ้นเกือบ 1,600% ในระหว่างปี 2560-2566
รายงานดังกล่าวจัดทำขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดของสหรัฐฯ สั่งการเมื่อเดือนเม.ย. 2564 ให้ทาง ATF กำกับดูแลโครงการวิจัยใหม่ เพื่อทำความเข้าใจว่าอาชญากรในสหรัฐฯ มีอาวุธปืนในครอบครองได้อย่างไร
ผลการศึกษาพบว่า ในระหว่างปี 2560-2566 เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานและสามารถยึดอาวุธปืนที่ต้องสงสัยว่าทำเอง หรือ "ปืนเถื่อน" ได้ 92,702 กระบอก ซึ่งปืนเหล่านี้ได้มาโดยไม่ต้องตรวจสอบประวัติและไม่มีหมายเลขทะเบียน
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว จำนวนปืนเถื่อนที่ยึดได้จากสถานที่เกิดเหตุยังพุ่งขึ้นจาก 1,629 กระบอก เป็น 27,490 กระบอก โดยในจำนวนนี้ ราว 1,700 กระบอกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ขณะที่อีก 4,000 กระบอกมีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมรุนแรงอื่น ๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลของปธน.ไบเดนพยายามหาทางปราบปรามปืนเถื่อน เพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ
สตีเวน เดตเทลบัค ผู้อำนวยการ ATF กล่าวเมื่อวันพุธว่า ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมก่อนจำหน่ายอาวุธปืน