แม้สถานการณ์จะอันตรายอย่างยิ่งจากลมทะเลทรายและภูมิประเทศแห้งผาก แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงยืนหยัดต่อสู้กับไฟป่ามหากาฬสองจุดที่เผาผลาญพื้นที่ลอสแอนเจลิสมาตลอดสัปดาห์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักดับเพลิงกว่า 8,500 นาย จาก 7 รัฐและอีก 2 ประเทศ สามารถสกัดไม่ให้ไฟลุกลามต่อเนื่องเป็นวันที่สอง แต่พื้นที่ที่ถูกเผาผลาญไปแล้วนั้นกว้างใหญ่เทียบเท่ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ฝูงอากาศยานทิ้งน้ำและสารหน่วงไฟลงบนเทือกเขาสูงชัน ขณะที่หน่วยภาคพื้นพร้อมเครื่องมือและสายฉีดน้ำทำงานไม่หยุดพักนับแต่ไฟปะทุเมื่อวันที่ 7 ม.ค. โดยอากาศยานต้องจอดพักเป็นระยะเพราะลมแรงจัด
ไฟป่าพาลิเซดส์ทางฝั่งตะวันตกของเมืองยังคงลุกลามในพื้นที่ 96 ตารางกิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมแนวไฟได้ 18% ส่วนไฟป่าอีตันที่ลุกลามในเชิงเขาทางตะวันออก กินพื้นที่ไป 57 ตารางกิโลเมตร ควบคุมได้ 35%
แคลิฟอร์เนียตอนใต้ไม่มีฝนตกชุกมาตั้งแต่เม.ย. ทำให้พุ่มไม้แห้งกรอบกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ประกอบกับลมกระโชกซานตาอานา (Santa Ana) ที่พัดจากทะเลทรายข้ามยอดเขาและหุบเหว ส่งให้สะเก็ดไฟปลิวไกลถึง 3 กิโลเมตร
แม้ในวันอังคาร (14 ม.ค.) ลมจะอ่อนกำลังลงกว่าที่คาด แต่กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติยังคงเตือนภัยระดับแดง เนื่องจากคาดว่าลมจะแรงสุดในช่วง 03.00 น. ของวันพุธ (15 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น (18.00 น. ของวันพุธ ตามเวลาไทย) โดยในเขตภูเขาอาจมีลมกระโชกแรงถึง 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 25 รายในวันอังคาร ตามรายงานของสำนักชันสูตรศพลอสแอนเจลิส ขณะที่ตัวเลขอาคารบ้านเรือนที่เสียหายหรือพังพินาศยังคงอยู่ที่อย่างน้อย 12,000 หลัง สะท้อนให้เห็นภารกิจฟื้นฟูอันหนักหน่วงที่รออยู่เบื้องหน้า
แม้ประชาชนหลายพันคนได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน แต่อีก 88,000 คนยังคงอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 84,000 คนอยู่ในเขตเตือนภัยให้อพยพ นับเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหานครแห่งนี้
"การเห็นภาพในโทรทัศน์เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การมองจากท้องฟ้าเป็นอีกเรื่อง ความเสียหายมหาศาลนี้เกินจะจินตนาการ จนกว่าคุณจะได้เห็นกับตา" คาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส กล่าวในที่แถลงข่าวหลังบินสำรวจพื้นที่
ทีมกู้ภัยในเมืองตั้งฐานปฏิบัติการที่ลานจอดรถร้านขายของชำในอัลทาดีนา พวกเขาติดตามสถานการณ์ผ่านกระดานไวท์บอร์ดและสั่งการผ่านรถบัญชาการเคลื่อนที่
ทีมดับเพลิงและเจ้าหน้าที่รัฐ 50 ราย แบ่งกำลังค้นหาทีละบ้าน เพื่อสำรวจจุดไฟคุกรุ่นและอันตรายอื่น ๆ เช่น แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่เชื่อมต่อกับแผงโซลาร์
ด้านงานศิลปะล้ำค่าในพิพิธภัณฑ์เจ. พอล เก็ตตี ยังปลอดภัย แม้ไฟป่าพาลิเซดส์จะคืบคลานเข้าใกล้พิพิธภัณฑ์ซึ่งเก็บรักษาภาพวาดของแวนโก๊ะ, เรมบรันต์, โมเนต์ และเดอกาส์ก็ตาม
ผลงานทั้งหมดยังคงปลอดภัยในศูนย์เก็ตตี ซึ่งเป็นอาคารป้อมปราการที่สร้างด้วยหินทราเวอร์ทีน เหล็กทนไฟ และคอนกรีตเสริมเหล็ก "คงเป็นความโง่เขลาอย่างยิ่งที่จะพยายามขนย้ายงานศิลปะออกจากที่กำบังอันปลอดภัย" แคทเธอรีน อี. เฟลมมิง ประธานเก็ตตี ทรัสต์ (Getty Trust) กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทพยากรณ์อากาศเอกชนแอคคิวเวเธอร์ (AccuWeather) ประเมินความเสียหายและผลกระทบทางเศรษฐกิจไว้ที่ 2.50-2.75 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้เป็นภัยพิบัติธรรมชาติที่สร้างความเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แซงหน้าเฮอร์ริเคนแคทรีนา (Katrina) ในปี 2548