สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ว่า BOJ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากประมาณ 0.25% เป็น 0.5% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ (23-24 ม.ค.) ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี เนื่องจากตลาดการเงินยังคงมีเสถียรภาพหลังพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
แหล่งข่าวระบุว่า สุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนของปธน.ทรัมป์ รวมถึงแผนการเก็บภาษีนำเข้า เป็นไปตามที่นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหนุนให้ BOJ สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551 ได้
ภายหลังการประชุมนโยบายครั้งก่อนในกลางเดือนธ.ค. คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ กล่าวว่า เขาต้องการรอดูสัญญาณเพิ่มเติมจากนโยบายเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์ รวมถึงประเมินแนวโน้มค่าจ้างในญี่ปุ่นก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย
รายงานรายไตรมาสของ BOJ ที่เผยแพร่เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ระบุว่า จะยังคงมีแรงหนุนการปรับขึ้นค่าจ้างอย่างต่อเนื่องในการเจรจาค่าจ้างช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้
ล่าสุดในวันนี้ (21 ม.ค.) สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น หรือ เคดันเรน (Keidanren) ได้เปิดเผยแนวทางการเจรจาค่าจ้างในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ โดยให้คำมั่นที่จะผลักดันการปรับขึ้นค่าจ้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบริษัทขนาดกลางและเล็กที่จ้างพนักงานถึง 70% ของแรงงานทั้งประเทศ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา BOJ ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ โดยอุเอดะ และเรียวโซ ฮิมิโนะ รองผู้ว่าการ BOJ ยืนยันว่าจะถกเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ภายใต้การนำของอุเอดะ BOJ กำลังค่อย ๆ ถอนตัวจากนโยบายการเงินผ่อนคลายพิเศษที่ใช้มานานกว่า 10 ปี โดยเริ่มจากการยุติมาตรการดอกเบี้ยติดลบในเดือนมี.ค. 2567 และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นประมาณ 0.25% ในเดือนก.ค. 2567