รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายส่งเสริมวิชาพลศึกษาให้เป็นวิชาหลักในโรงเรียน จากเดิมที่เป็นเพียงวิชารอง พร้อมผลักดันแนวทาง "การศึกษาแบบองค์รวม" ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะโรคอ้วนในเด็กที่สูงขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างอิงกระทรวงศึกษาธิการจีนว่า โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจะต้องให้ความสำคัญกับครูพลศึกษาเทียบเท่ากับครูวิชาอื่น ๆ เช่น ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ พร้อมกับเร่งพัฒนากีฬาสำคัญ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล
กระทรวงศึกษาธิการระบุว่า มาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันแนวทางการศึกษาแบบองค์รวม ที่ผสานการพัฒนาสมรรถภาพทางกายเข้ากับการพัฒนาทางวิชาการ เพื่อบ่มเพาะนักเรียนให้มีความพร้อมรอบด้านสำหรับอนาคต
ในเดือนนี้ จีนเพิ่งประกาศแผนการระดับชาติฉบับแรกเพื่อสร้างจีนให้เป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านการศึกษาภายในปี 2578 โดยมีการประกาศนโยบายต่าง ๆ เช่น การกำหนดให้นักเรียนประถมและมัธยมต้องมีกิจกรรมทางกายอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อควบคุมภาวะสายตาสั้นและโรคอ้วนอย่างมีประสิทธิภาพ
ย้อนกลับไปในช่วงกลางปี 2565 จีนเผชิญปัญหาขาดแคลนครูพลศึกษาทั่วประเทศราว 120,000 คน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ดังนั้น มาตรการใหม่นี้จะช่วยส่งเสริมการรับอดีตนักกีฬาและทหารผ่านศึกเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูพลศึกษา
ครูพลศึกษาจะได้รับค่าตอบแทนเท่ากับครูในวิชาอื่น ๆ รวมถึงมีการปรับเงินเดือนตามผลงาน หากครูต้องดูแลกิจกรรมกีฬาหลังเลิกเรียน หรือคุมทีมนักกีฬาโรงเรียน
ทั้งนี้ ปัญหาโรคอ้วนในเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากกิจกรรมทางกายลดลงในช่วงล็อกดาวน์โควิด รวมถึงมีการสั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาแพทย์คาดการณ์ว่าภาวะโรคอ้วนจะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 10-12 ปีข้างหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจะทำให้คนมีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีและออกกำลังกายน้อยลง