สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของอังกฤษ (NAO) เปิดเผยว่า หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลอังกฤษยังคงใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ที่ล้าสมัยหลายร้อยระบบ และไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของตนเอง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า NAO ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระของรัฐสภาอังกฤษ เปิดเผยข้อกังวลนี้ในรายงานที่เผยแพร่ในวันนี้ (29 ม.ค.) หลังจากตรวจสอบแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของหน่วยงานรัฐบาลกลาง
รายงานระบุว่า ณ เดือนมี.ค. 2567 รัฐบาลยังคงใช้งานระบบคอมพิวเตอร์เก่าอย่างน้อย 228 ระบบ ซึ่งหมายความว่าระบบเหล่านี้ล้าสมัยและอาจส่งผลกระทบต่อมาตรการป้องกันทางดิจิทัล นอกจากนี้ ยังพบว่ามีระบบคอมพิวเตอร์สำคัญอีกกว่า 50 ระบบที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์
"หน่วยงานรัฐบาลยังคงมีช่องโหว่สำคัญในการควบคุมระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานต่อความสามารถในการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์" รายงานระบุ
นอกจากนี้ รายงานยังชี้ให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวยิ่งรุนแรงขึ้นจากการขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยพบว่าหลายหน่วยงานของรัฐบาลกลางมีตำแหน่งงานว่างในทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มากกว่า 50%
เจฟฟรีย์ คลิฟตัน-บราวน์ ประธานคณะกรรมการบัญชีสาธารณะแห่งรัฐสภาระบุว่า รายงานฉบับนี้ควรเป็น "สัญญาณเตือนที่ชัดเจน" ให้รัฐบาลเร่งเสริมสร้างการป้องกันทางไซเบอร์
"การประสานงานที่ไม่มีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยงานรัฐ การขาดแคลนบุคลากรด้านไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง และการพึ่งพาระบบไอทีที่ล้าสมัย กำลังทำให้บริการสาธารณะของเราเผชิญกับความเสี่ยง" คลิฟตัน-บราวน์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลกำลังเดินหน้าปรับปรุงเทคโนโลยีและเสริมสร้างมาตรการป้องกันภัยทางไซเบอร์