สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แถลงการณ์ของตำรวจประกอบกับข้อมูลที่ได้จากการพูดคุยกับผู้เสียหายหลายรายบ่งชี้ว่า นักลงทุนหลายพันคนในอินเดียกำลังพยายามเรียกร้องเงินคืนเกือบ 100 ล้านดอลลาร์ หลังจากตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ที่หลอกให้พวกเขาลงทุนระยะสั้นโดยสัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนสูง
ตำรวจอินเดียได้จับกุมผู้ต้องหา 2 รายเมื่อวันเสาร์ (15 ก.พ.) หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทฟอลคอน อินวอยซ์ ดิสเคาน์ติง (Falcon Invoice Discounting) ซึ่งอ้างว่านำเงินฝากไปลงทุนกับบริษัทใหญ่อย่างอะเมซอน (Amazon) และบริทานเนีย (Britannia) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตบิสกิต โดยจะให้ผลตอบแทนสูงถึง 22%
ตามแถลงการณ์ของตำรวจในรัฐเตลังคานาทางตอนใต้ของอินเดียนั้น ฟอลคอนได้รวบรวมเงินจากนักลงทุนเกือบ 7,000 รายตั้งแต่ปี 2564 เป็นจำนวน 1.7 หมื่นล้านรูปี (ประมาณ 196 ล้านดอลลาร์) แต่ได้จ่ายเงินคืนให้กับนักลงทุนไปเพียงครึ่งเดียว
อันกิต บิฮานี นักอัญมณีจากกรุงนิวเดลี รวมกลุ่มกับนักลงทุนอีก 50 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางเรียกร้องเงินคืนรวม 500 ล้านรูปี รวมถึงมาตรการทางกฎหมาย
"ส่วนใหญ่นักลงทุนรู้จักแพลตฟอร์มนี้ผ่านโซเชียลมีเดียและตัดสินใจลงทุน" บิฮานีเปิดเผยกับรอยเตอร์
ตำรวจระบุว่า ฟอลคอนใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายคืนให้กับนักลงทุนรายเก่า และโอนเงินที่เหลือไปยังบริษัทเปลือก (บริษัทที่ไม่มีการดำเนินงานจริง) หลายแห่ง
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตามล่าตัว อมาร์ดีป คูมาร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทฟอลคอนซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหารายสำคัญ
ทั้งนี้ ทางการอินเดียแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของคดีแชร์ลูกโซ่และการหลอกลวงผ่านแอป เว็บไซต์ และคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกนักลงทุนที่ไม่รู้เท่าทัน