สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังคงประชวรในขั้นวิกฤตด้วยพระอาการปอดบวมทั้งสองข้าง แต่พระอาการ "ดีขึ้นเล็กน้อย"
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงประทับรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลเจเมลลี (Gemelli) ในกรุงโรม เป็นคืนที่ 11 แล้ว นับเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบเกือบ 12 ปีแห่งสมณสมัยของพระองค์
แถลงการณ์ระบุว่า พระองค์ยังคงต้องได้รับออกซิเจน แต่มีการลดอัตราการไหลและเปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนลงเล็กน้อย ส่วนภาวะไตบกพร่องเล็กน้อยที่มีรายงานก่อนหน้านี้ "ไม่น่าเป็นห่วง"
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่วาติกันผู้ไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า พระสันตะปาปาเสวยพระกระยาหารได้ตามปกติ และสามารถลุกขึ้นเคลื่อนไหวภายในห้องพักในโรงพยาบาลได้
แถลงการณ์ยังระบุว่า พระองค์ได้กลับมาทรงงานในช่วงบ่าย และในช่วงเย็นได้โทรศัพท์ไปยังชุมชนคาทอลิกในฉนวนกาซา ซึ่งพระองค์ทรงกระทำบ่อยครั้งในช่วงสงครามอิสราเอล-ฮามาส
เมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) สำนักวาติกันระบุว่าพระอาการยังคงวิกฤต หลังพระองค์ทรงต้องได้รับการถ่ายพระโลหิตสองยูนิตเมื่อวันเสาร์ (22 ก.พ.) เนื่องจากทรงประสบภาวะวิกฤตทางเดินหายใจคล้ายโรคหอบหืดเป็นเวลานาน แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ พระองค์ไม่มีภาวะวิกฤตทางการหายใจเพิ่มเติม และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการบางส่วนแสดงให้เห็นว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ภาวะปอดบวมสองข้างถือเป็นการติดเชื้อรุนแรงที่ทำให้ปอดทั้งสองข้างอักเสบและเป็นแผลเป็น ส่งผลให้หายใจลำบาก โดยวาติกันระบุว่าการติดเชื้อของพระสันตะปาปาครั้งนี้ "มีความซับซ้อน" และเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์อย่างน้อยสองชนิด
สำหรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2556 ทรงมีพระพลานามัยไม่แข็งแรงเป็นระยะตลอดสองปีที่ผ่านมา และทรงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในปอดเป็นพิเศษ เนื่องจากทรงเคยเป็นโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบและทรงเคยผ่าตัดเอาปอดออกบางส่วนตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์