เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิ่งแวดล้อมของจีนเปิดเผยว่า จีนตั้งเป้าขจัดมลพิษทางอากาศร้ายแรงให้หมดภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่หน่วยงานรัฐเร่งขยายความพยายามในการควบคุมมลพิษและลดการปล่อยมลพิษเพื่อท้องฟ้าสีฟ้าสดใส
หลี่ เทียนเหวย ผู้อำนวยการกรมสิ่งแวดล้อมทางอากาศของจีนกล่าวว่า จีนจะพัฒนาระบบพยากรณ์คุณภาพอากาศและการแจ้งเตือนล่วงหน้า รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการแบบบูรณาการ เพื่อควบคุมฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และมลพิษโอโซน
"การต่อสู้เพื่อท้องฟ้าสีฟ้ายังคงดำเนินต่อไป" หลี่กล่าว ตามที่ปรากฏในบันทึกบนเว็บไซต์ของกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า แม้จะมีความคืบหน้า แต่มลพิษทางอากาศยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในจีน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คน
WHO ระบุว่า มลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในจีนราว 2 ล้านคนต่อปี โดยในจำนวนนี้ มลพิษทางอากาศในบรรยากาศเป็นปัจจัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ล้านคน ขณะที่มลพิษทางอากาศในครัวเรือนจากการทำอาหารด้วยเชื้อเพลิงและเทคโนโลยีที่ก่อมลพิษส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีกราว 1 ล้านคน
WHO ถือว่าระดับความเข้มข้นของ PM2.5 ที่สูงกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเป็นมลพิษทางอากาศร้ายแรง
อย่างไรก็ดี หลี่กล่าวว่า คุณภาพอากาศของจีนดีขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2567 โดยระดับความเข้มข้นเฉลี่ยของ PM2.5 ในเมืองต่าง ๆ อยู่ที่ 29.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำชัดว่า จีนให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ และการอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่