ผลสำรวจล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จัดทำช่วงปลายปีที่แล้วเปิดเผยว่า ชาวญี่ปุ่นกว่า 80% ยังคงสนับสนุนโทษประหารชีวิต โดยเห็นว่าระบบนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า แม้การสนับสนุนโทษประหารจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.3% เป็น 83.1% เมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนในปี 2562 แต่ฝั่งที่เรียกร้องให้ยกเลิกกลับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนถึง 7.5% มาอยู่ที่ 16.5% ตามผลสำรวจที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา
นับเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันที่ผู้สนับสนุนโทษประหารมีมากกว่า 80% ในการสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดขึ้นทุก 5 ปี
เหตุผลยอดนิยมที่คนสนับสนุนโทษประหาร คือ ความห่วงใยต่อความรู้สึกของเหยื่อและครอบครัว (62.2%) รองลงมาคือ อาชญากรรมรุนแรงควรชดใช้ด้วยชีวิต (55.5%) และกังวลว่าการยกเลิกโทษประหารจะทำให้เกิดอาชญากรรมโหดร้ายมากขึ้น (53.4%)
ส่วนฝั่งที่อยากให้ยกเลิก มีถึง 71% ที่กังวลว่าการตัดสินผิดพลาดจะแก้ไขไม่ได้ เพิ่มขึ้นสูงถึง 20% จากการสำรวจครั้งก่อน ทั้งยังเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าวมีขึ้นระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค. หลังจากชายวัย 88 ปีได้รับการตัดสินให้พ้นโทษ ในการพิจารณาคดีใหม่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรม 4 ศพในปี 2509 โดยคำตัดสินของอิวาโอะ ฮาคามาตะ ซึ่งถูกขังในแดนประหารนานกว่า 40 ปี ได้รับการยืนยันในเดือนต.ค.
ขณะเดียวกัน 37.5% ระบุว่าโทษประหารควรถูกยกเลิกหากมีการใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทางพ้นโทษแทน ขณะที่ 61.8% ยังเห็นว่าควรคงโทษประหารไว้
การสำรวจครั้งนี้ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป รวม 3,000 คน มีผู้ตอบกลับที่ใช้ได้ 1,815 คน โดยเปลี่ยนวิธีจากการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวเป็นส่งทางไปรษณีย์เนื่องจากโควิด-19