สำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียรายงานในวันนี้ (7 มี.ค.) ว่า พายุไซโคลน "อัลเฟรด" จะพัดขึ้นฝั่งในวันเสาร์นี้ (8 มี.ค.) บริเวณตอนเหนือของเมืองบริสเบน เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ โดยคาดว่าจะมีความรุนแรงระดับ 2 ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีฝนตกหนักต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้ทางการต้องสั่งอพยพประชาชนหลายพันคนออกจากพื้นที่
ขณะนี้พายุยังอยู่ห่างจากชายฝั่งราว 200 กิโลเมตร แต่ก่อให้เกิดลมกระโชกแรงกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บริเวณพรมแดนรัฐควีนส์แลนด์กับรัฐนิวเซาท์เวลส์ ส่งผลให้บ้านเรือนกว่า 20,000 หลังในเมืองท่องเที่ยวโกลด์โคสต์ไม่มีไฟฟ้าใช้
ด้านท่าอากาศยานบริสเบนต้องปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) พร้อมระงับระบบขนส่งสาธารณะในเมือง และสั่งปิดโรงเรียนกว่า 1,000 แห่งในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ รวมถึงอีก 280 แห่งทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์
ในการรับมือกับสถานการณ์นั้น นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี แห่งออสเตรเลีย ได้สั่งการให้กำลังพลจากกองทัพ 120 นาย เข้าสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
"นี่ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาชมวิว หรือสัมผัสประสบการณ์ตรงจากสภาพอากาศเช่นนี้ ขอให้ทุกท่านอยู่ในที่ปลอดภัย และใช้ความระมัดระวัง" นายกฯ อัลบาเนซีกล่าว
ขณะเดียวกันชุมชนต่าง ๆ กำลังเร่งเตรียมการรับมือน้ำท่วม หลังพบว่าบางพื้นที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมกว่า 400 มิลลิเมตรในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่า พายุอัลเฟรดเป็น "เหตุการณ์ที่พบได้ยากมาก" สำหรับบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ โดยเมืองนี้เคยถูกพายุไซโคลนพัดกระหน่ำครั้งล่าสุดเมื่อกว่าครึ่งศตวรรษที่แล้วในปี 2517 และเมืองที่มีประชากรประมาณ 2.7 ล้านคนแห่งนี้ได้รอดพ้นจากพายุไซโคลนอย่างฉิวเฉียดในปี 2533 และ 2562