รัฐบาลฝรั่งเศสเปิดเผยในวันจันทร์ (10 มี.ค.) ว่า ครัวเรือน ธุรกิจ และหน่วยงานท้องถิ่นของฝรั่งเศสจะเผชิญกับค่าประกันภัยที่สูงขึ้น หากประเทศไม่สามารถปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
รัฐบาลระบุในแผนการปรับตัว (Adaptation Plan) ว่า ค่าใช้จ่ายจากภัยพิบัติทางสภาพอากาศอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 30 ปีจนถึงปี 2593 รวมเป็นมูลค่า 1.43 แสนล้านยูโร (1.55 แสนล้านดอลลาร์) โดยแอกเนส ปานิเยร์-รันนาเชร์ รัฐมนตรีกระทรวงนิเวศวิทยากล่าวย้ำระหว่างการแถลงข่าว ณ กรุงปารีสว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น "ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้" ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนบางส่วนไม่สามารถทำประกันได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลอดช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมประกันของฝรั่งเศสเผชิญกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพอากาศสุดขั้วก่อให้เกิดภัยแล้ง พายุ และไฟป่า ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของระบบการชดเชยความเสียหายในปัจจุบัน ตลอดจนความกังวลว่าบริษัทประกันบางแห่งอาจถอนตัวออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูง
แผนการปรับตัวที่นำเสนอเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณใหม่มากนัก มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความตระหนักและกระตุ้นให้หน่วยงานท้องถิ่น บริษัทพลังงาน เกษตรกร และอุตสาหกรรมอื่นๆ เตรียมความพร้อมสำหรับการปรับตัว โดยแผนนี้สอดคล้องกับแผนพลังงาน 10 ปีของฝรั่งเศส ซึ่งคาดการณ์การเติบโตอย่างมหาศาลของพลังงานหมุนเวียนและประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ แผนพลังงาน 10 ปีฉบับล่าสุดของฝรั่งเศสที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (7 มี.ค.) ได้ปรับลดเป้าหมายกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในปี 2578 ลง 10% นอกจากนี้ เป้าหมายไฮโดรเจนยังถูกปรับลดลงเช่นกัน เนื่องจากการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้มีความคืบหน้าช้ากว่าที่คาดไว้