ญี่ปุ่นหวั่นเยาวชนอีกจำนวนมากอาจตกเป็นเหยื่อองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลังจากที่เยาวชนชาวญี่ปุ่นสองคนได้รับการช่วยเหลือจากการถูกล่อลวงไปทำงานให้กับขบวนการมิจฉาชีพในเมียนมา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จากการสัมภาษณ์ชายวัยรุ่นสองคนหลังจากที่พวกเขากลับถึงญี่ปุ่น ทำให้ตำรวจญี่ปุ่นทราบว่า เยาวชนทั้งสองซึ่งมีอายุ 16 และ 17 ปี ถูกหลอกว่างานที่จะได้ทำนั้นเป็นงานง่าย ๆ ค่าตอบแทนดี แถมรวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดแล้ว แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองคนถูกกักขัง เช่นเดียวกับชาวต่างชาติรายอื่น ๆ ที่ถูกหลอกมา และถูกบังคับจากกลุ่มคนที่พกปืนให้โทรศัพท์ไปหลอกเอาเงินจากเหยื่อ หากพวกเขาปฏิเสธที่จะทำงาน พวกเขาจะถูกทุบตี บังคับให้อดอาหาร หรือแม้กระทั่งถูกช็อตด้วยไฟฟ้า
รายงานระบุว่า เยาวชนชายคนหนึ่งมาจากจังหวัดไอจิในภาคกลางของญี่ปุ่น และอีกคนมาจากจังหวัดมิยากิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เยาวชนชายจากไอจิได้รับการติดต่อจากนายหน้าในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว พร้อมเสนองานในต่างประเทศที่เขาสามารถใช้ "ทักษะพิเศษ" ของตัวเองเพื่อหาเงินได้ง่าย ๆ และด้วยความช่วยเหลือจากคนร้าย เขาจึงได้รับหนังสือเดินทางโดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากผู้ปกครอง พร้อมค่าตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่เขาจะเดินทางเข้าเมียนมาผ่านไทยในเดือนธ.ค.
ขณะที่เยาวชนจากจังหวัดมิยากิได้รับการติดต่อผ่านห้องแชทเกมออนไลน์ว่า เขาจะได้รับ "อาหาร เสื้อผ้า และที่พัก เพียงทำงานง่าย ๆ" โดยเชื่อว่าเขาเดินทางออกจากญี่ปุ่นไปประเทศไทยด้วยตั๋วเครื่องบินที่กลุ่มอาชญากรจัดหาให้ ก่อนลักลอบเข้าเมียนมา
ทั้งนี้ เยาวชนทั้งสองคนถูกพาตัวออกจากศูนย์หลอกลวงบริเวณชายแดนเมียนมา และได้รับการคุ้มครองจากทางการไทยในช่วงกลางเดือนก.พ.
ตามข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นนั้น เจ้าหน้าที่สามารถโน้มน้าวผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพได้ 248 รายในช่วงสี่เดือนตั้งแต่เดือนต.ค. ซึ่งในจำนวนนี้มี 10 คดีที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศ และมากกว่าครึ่งหนึ่งเกี่ยวข้องกับวัยรุ่นและเยาวชนในวัย 20 ปี ขณะที่ในเดือนที่แล้ว มีรายงานชาวญี่ปุ่นประมาณ 20 คนสูญหาย โดยเชื่อว่าคนเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งหลอกลวงทางไซเบอร์
หลายฝ่ายเชื่อว่า องค์กรอาชญากรรมจีนตั้งฐานที่มั่นอยู่ทางตะวันออกของเมียนมาใกล้กับชายแดนไทย โดยมีชาวต่างชาติราว 10,000 คนถูกควบคุมตัวและบังคับให้ทำงานหลอกลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสของจังหวัดไอจิชี้ว่า องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้องค์กรใหญ่แห่งเดียว แต่กระจายตัวเป็นเครือข่ายเล็ก ๆ หลายส่วน ตั้งแต่การจัดหาคนไปจนถึงการฟอกเงิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนหนึ่งยอมรับว่า "ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับความร่วมมือจากตำรวจต่างประเทศ" พร้อมย้ำเตือนชาวญี่ปุ่นถึงอันตรายของการเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่ไตร่ตรอง เนื่องจาก "เป็นเรื่องยากที่จะติดตามคน หากเราขาดการติดต่อกับพวกเขาในต่างประเทศ"