นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวในวันนี้ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ได้เรียกค่าไถ่เป็นเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 340 ล้านบาท หลังก่อเหตุโจมตีทางไซเบอร์จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานบางส่วนของท่าอากาศยานระหว่างประเทศกัวลาลัมเปอร์ (KLIA) ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และสร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ KLIA และความปลอดภัยของผู้โดยสาร
ทั้งนี้ นายอันวาร์ยืนยันว่า บริษัท มาเลเซีย แอร์พอร์ท โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮัด (MAHB) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการของ KLIA ได้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์อย่างหนักจากกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว
อย่างไรก็ดี นายอันวาร์กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าไถ่ให้กับกลุ่มแฮกเกอร์ดังกล่าว
"ประเทศนี้จะไม่ปลอดภัย ถ้าผู้นำและระบบปล่อยให้เราก้มหัวต่อการยื่นคำขาดของอาชญากรและผู้ทรยศ ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือภายนอกประเทศ"
ถ้อยแถลงของนายอันวาร์ถือเป็นคำยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกจากรัฐบาลมาเลเซียที่ว่า KLIA ได้ถูกโจมตีทางไซเบอร์
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการโจมตีได้ยุติลงแล้วหรือไม่ หลังจากที่ระบบของ KLIA ประสบปัญหาล่มเป็นเวลา 10 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค.
MAHB และสำนักงานความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (NCSA) ยืนยันว่า การโจมตีได้ส่งผลกระทบต่อระบบคอมพิวเตอร์บางส่วนของ KLIA
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ระบบความปลอดภัยทางออนไลน์ของมาเลเซียไม่สามารถป้องกันกลุ่มแฮกเกอร์ โดยก่อนหน้านี้ในปี 2565 แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาลมาเลเซีย และได้นำข้อมูลส่วนตัวของชาวมาเลเซียจำนวน 22.5 ล้านคนไปขายในเว็บมืด ซึ่งข้อมูลดังกล่าว รวมถึงชื่อและนามสกุล, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, รายละเอียดของที่อยู่อาศัย และภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน