สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (30 มี.ค.) ว่า เมียนมากำลังเผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรม หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,700 ราย ขณะที่ความต้องการความช่วยเหลือยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกชั่วโมง
"นี่ไม่ใช่แค่ภัยพิบัติธรรมดา แต่เป็นวิกฤตมนุษยธรรมที่ซับซ้อน ซึ่งซ้อนทับกับปัญหาความเปราะบางที่มีอยู่แล้ว" อเล็กซานเดอร์ มาเทอู ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ IFRC กล่าวในแถลงการณ์ "ขนาดของภัยพิบัติครั้งนี้รุนแรงอย่างมาก และความช่วยเหลือเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน"
แผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดของเมียนมาในรอบร้อยปี สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สะพาน ทางหลวง สนามบิน และทางรถไฟ จึงส่งผลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า การให้ความช่วยเหลือยังคงเผชิญอุปสรรคจากถนนที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่โรงพยาบาลในพื้นที่ตอนกลางและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศต้องรับมือกับจำนวนผู้บาดเจ็บที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทีมกู้ภัยจากนานาประเทศเดินทางถึงเมียนมาเมื่อวันอาทิตย์เพื่อให้ความช่วยเหลือ ขณะที่สภากาชาดเมียนมาระบุว่า อาสาสมัครกำลังให้การปฐมพยาบาลและแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น เช่น ผ้าห่ม ผ้าใบคลุม และชุดอุปกรณ์สุขอนามัย
ขณะเดียวกัน IFRC ได้เปิดระดมทุนฉุกเฉินจำนวน 100 ล้านฟรังก์สวิส (113.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยเหลือประชาชน 100,000 คนด้วยสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการฟื้นฟูเบื้องต้น