รัฐบาลอังกฤษประกาศเมื่อวันศุกร์ (11 เม.ย.) ว่า ได้ขยายมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมสำหรับใช้ส่วนบุคคลจากทุกประเทศในสหภาพยุโรป (EU) เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในทวีปยุโรป
ตั้งแต่วันเสาร์นี้ (12 เม.ย.) เป็นต้นไป ผู้เดินทางเข้าประเทศอังกฤษจะไม่สามารถนำเข้าเนื้อวัว แกะ แพะ หมู และผลิตภัณฑ์นมจากประเทศในกลุ่ม EU ได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำมาเพื่อบริโภคเองหรือในรูปแบบใดก็ตาม
รายการที่ถูกสั่งห้าม เช่น แซนด์วิช ชีส เนื้อสัตว์แปรรูป เนื้อดิบ และนม แม้จะอยู่ในบรรจุภัณฑ์ปิดผนึกหรือซื้อจากร้านค้าปลอดภาษีก็ตาม
รัฐบาลระบุว่า มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องสุขภาพของปศุสัตว์ในประเทศ ความมั่นคงของเกษตรกร และความมั่นคงด้านอาหารของอังกฤษ ผู้เดินทางที่ถูกตรวจพบว่านำสิ่งของที่ห้ามเข้ามาจะต้องยอมมอบของเหล่านั้นให้กับเจ้าหน้าที่บริเวณชายแดน หรือไม่ก็จะถูกยึดและทำลาย หากเป็นกรณีร้ายแรง ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 5,000 ปอนด์ (6,550 ดอลลาร์สหรัฐ) ในอังกฤษ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในปีนี้ อังกฤษได้สั่งห้ามการนำเข้าเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมส่วนบุคคลจากเยอรมนี ฮังการี สโลวาเกีย และออสเตรีย หลังพบการระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในประเทศเหล่านี้ โดยการห้ามครั้งใหม่นี้ได้ขยายไปครอบคลุมทุกประเทศในอียู
แม้ว่าโรคปากและเท้าเปื่อยจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และยังไม่มีการระบาดในอังกฤษในขณะนี้ แต่โรคนี้เป็นโรคไวรัสที่แพร่ระบาดได้ง่ายในสัตว์กีบคู่ เช่น วัว แกะ หมู หมูป่า กวาง ลามา และอัลปากา
การแพร่ระบาดของโรคนี้ในยุโรปถือเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อธุรกิจฟาร์มและสุขภาพของสัตว์ เนื่องจากอาจทำให้ผลผลิตลดลง และกระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และนมไปยังตลาดต่างประเทศอย่างรุนแรง