คณะพระคาร์ดินัลประกาศในวันนี้ (22 เม.ย.) ว่า กำหนดการจัดพิธีปลงพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะมีขึ้นในวันเสาร์นี้ (26 เม.ย.) ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ โดยคาดว่าจะเป็นพิธีสำคัญที่ผู้นำจากทั่วโลกจะเดินทางมาร่วมไว้อาลัย
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนมายุ 88 พรรษา สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันเมื่อวันจันทร์ (21 เม.ย.) หลังทรงมีพระอาการโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจล้มเหลว ตามแถลงการณ์ของวาติกัน นับเป็นการปิดฉากสมณสมัย 12 ปีที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาส ท่ามกลางความเห็นต่างจากกลุ่มอนุรักษนิยมในบางครั้ง
วันนี้ วาติกันได้เผยแพร่ภาพพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในฉลองพระองค์เต็มยศ บรรจุในหีบศพไม้ ณ โบสถ์น้อยภายในอาคารที่ประทับซางตา มาร์ธา ซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ตลอดสมณสมัย โดยมีทหารองครักษ์ยืนประจำการอยู่สองข้าง
พระศพจะมีการเคลื่อนย้ายไปยังมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในเช้าวันพุธที่ 23 เม.ย. เวลา 9:00 น. (14:00 น. ตามเวลาไทย) นำโดยคณะพระคาร์ดินัล เพื่อเปิดให้สาธารณชนและศาสนิกชนเข้าถวายความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายแด่สมเด็จพระสันตะปาปาชาวลาตินอเมริกาพระองค์แรก
พิธีปลงพระศพจะมีขึ้น ณ ลานจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ด้านหน้ามหาวิหาร ในวันเสาร์ เวลา 10:00 น. (15:00 น. ตามเวลาไทย)
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเคยมีความเห็นต่างกับพระสันตะปาปาในประเด็นผู้อพยพ ยืนยันว่าจะเดินทางมาร่วมพิธีพร้อมภริยา นอกจากนี้ ประมุขแห่งรัฐที่คาดว่าจะเข้าร่วม ได้แก่ ประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์ แห่งอาร์เจนตินา ประเทศบ้านเกิดของพระองค์, ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน
ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงระบุในพินัยกรรมสุดท้ายที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ว่า ทรงประสงค์ให้ฝังพระศพ ณ มหาวิหารซานตามาเรียมัจโจเรในกรุงโรม ซึ่งแตกต่างจากธรรมเนียมปฏิบัติของพระสันตะปาปาหลายพระองค์ที่ฝังพระศพ ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
การสิ้นพระชนม์ครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นการประกอบพิธีตามธรรมเนียมโบราณของคริสตจักรที่มีสมาชิก 1.4 พันล้านคนทั่วโลก เพื่อเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ซึ่งรวมถึงการทำลาย "แหวนชาวประมง" หนึ่งในเครื่องสมณกกุธภัณฑ์ของพระสันตะปาปา และตราประทับของพระสันตะปาปา เพื่อป้องกันการนำไปใช้โดยมิชอบ
ตามปกติ การประชุมเพื่อเลือกพระสันตะปาปาจะมีขึ้น 15-20 วันหลังการสิ้นพระชนม์ ซึ่งหมายความว่าการประชุมครั้งนี้น่าจะเริ่มหลังวันที่ 6 พ.ค. เป็นต้นไป
พระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์ออกเสียงราว 135 รูป จะเข้าร่วมการลงคะแนนลับในโบสถ์น้อยซิสทีน ซึ่งกระบวนการอาจดำเนินไปหลายวัน จนกว่าจะมีควันสีขาวปรากฏขึ้น อันเป็นสัญญาณว่าได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีตัวเต็งชัดเจนว่า ผู้ใดจะได้เป็นพระสันตะปาปาองค์ต่อไป