อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเกษตรสร้างกระแสข่าวอันร้อนแรงในตลาดการเงินโลกเพียงชั่วข้ามคืนอีกครั้ง หลังจากบริษัทไบเออร์ เอจี ผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์ ยาสามัญประจำบ้าน และสารเคมีการเกษตร ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเลเวอร์คูเซน ประเทศเยอรมนี ได้ประกาศยื่นข้อเสนอซื้อกิจการของบริษัทมอนซานโต โค ผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชดัดแปลงพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ซึ่งรวมไปถึงผลไม้ ผัก ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฝ้าย ตลอดจนสารกำจัดวัชพืชในเมืองเซนต์ หลุยส์ ในรัฐมิสซูรี ในวงเงิน 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายมีการบรรลุข้อตกลง ก็ถือเป็นข้อเสนอซื้อกิจการด้วยเงินสดที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และก่อให้เกิดบริษัทเทคโนโลยีการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเกษตรกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันด้านการควบรวมกิจการและซื้อกิจการ (M&A) ที่ดุเดือดที่สุดในระยะนี้ โดยก่อนหน้านี้ บริษัท ChemChina ซึ่งควบคุมโดยรัฐบาลจีนได้เสนอซื้อ Syngenta ผู้ผลิตยาฆ่าแมลงของสวิตเซอร์แลนด์ในวงเงิน 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ Syngenta ปฏิเสธข้อเสนอซื้อจากมอนซานโต ในขณะที่บริษัทดาว เคมีคอล ได้ควบรวมกิจการกับบริษัทดูปองท์ ในวงเงิน 1.3 แสนล้านดอลลาร์ ข่าวความเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังไม่ได้จางหายไปจากแวดวงตลาดการเงินโลก
อย่างไรก็ดี ฮิวจ์ แกรนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอนซานโตได้ออกมาปฏิเสธข้อเสนอซื้อดังกล่าว โดยระบุว่า ไบเออร์เสนอราคาต่ำเกินไป แต่บริษัทยังคงเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาในอนาคต
ซีอีโอของมอนซานโตระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อเสนอซื้อของไบเออร์ที่ราคา 122 ดอลลาร์ต่อหุ้นนั้น ยังไม่เพียงพอต่อการรับมือด้านการบริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับกฎระเบียบ
"เราเชื่อว่าเกษตรกรและสังคมเป็นวงกว้าง จะได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการ" เขากล่าว
การปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวดูเหมือนว่าจะเป็นการดับความฝันของไบเออร์ แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร แต่ก็มีแนวโน้มที่ไบเออร์จะกลับมาพร้อมกับข้อเสนอที่สูงขึ้น เนื่องจากมอนซานโตเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธ์ข้าวโพดและถั่วเหลืองจีเอ็มโอรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ในขณะที่บริษัทยังขายเมล็ดพันธุ์พืชจีเอ็มโอในตลาดต่างประเทศซึ่งรวมไปถึงละตินอเมริกาและยุโรปอีกด้วย
- นักวิคราะห์เชื่อไบเออร์อยากซื้อมอนซานโต
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ไบเออร์ไม่อยากถูกรั้งท้าย ภายหลังจากที่ BASF SE ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งจากเยอรมนีถอนตัวจากการเสนอซื้อมอนซานโต ซึ่งมีจุดประสงค์ที่คล้ายกัน นั่นก็คือการก้าวขึ้นเป็นบริษัทด้านสารเคมีพืชและเมล็ดพันธุ์พืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ความพยายามในการทำข้อตกลงของไบเออร์ยังนับเป็นการซื้อธุรกิจในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเยอรมนี ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้กลายเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมแล้ว ยังจะส่งผลให้ไบเออร์มีธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดสหรัฐ ยุโรป และเอเขีย
ไบเออร์มองว่า การรวมตัวกันจะทำให้ทั้งสองบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถลดต้นทุนลงได้ 1.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ด้วยการลดค่าโสหุ้ยและลดงานที่ซ้ำซ้อน พร้อมกับเสริมว่า โลกต้องการอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีผลิตภาพสูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการอาหารของประชากรโลกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของการแข่งขันอันดุเดือดของอุตสาหกรรมนั้น เนื่องมาจากการปรับตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของภาคการเกษตร ทำให้เกษตรกรถูกบีบให้ต้องใช้วิธีการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายลง วิธีรับมือกับปัญหาที่ดีสุดของเกษตรกรก็คือการลดวัฏจักรสินค้าเกษตรลงด้วยการนำเอาสารเคมีและพืชจีเอ็มโอมาใช้ ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทเคมีเข้ามามีบทบาทในตลาด
ไบเออร์มีส่วนแบ่งตลาด 17% ในตลาดยาฆ่าแมลงทั่วโลก นับเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองในอุตสาหกรรม ในขณะที่มอนซานโตเป็นผู้ผลิตเมล็ดพืชจีเอ็มโอรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 26% การปลูกพืชจีเอ็มโอทำให้การใช้ยาฆ่าแมลงลดลง แต่พืชจีเอ็มไม่ได้ทนทานต่อวัชพืช ในขณะที่ไบเออร์ก็ผลิตยากำจัดวัชพืชด้วย ... ด้วยเหตุนี้ การรวมธุรกิจกันจึงทำให้ต่างฝ่ายต่างก็ได้รับผลประโยชน์
นักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า การที่บริษัทเอกชนรุกซื้อบริษัทคู่แข่งนั้น นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าการพัฒนาด้านนวัตกรรม และยังช่วยตัดปัญหาในเรื่องการแข่งขัน
.. แม้นักวิเคราะห์ยังไม่ฟันธงว่าไบเออร์จะปิดดีลนี้ได้สำเร็จหรือไม่ แต่ก็มั่นใจว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ไบเออร์จะยอมยื่นข้อเสนอซื้อมอนซานโตในราคาที่สูงขึ้น และมอนซานโตเองก็เปิดประตูบ้านต้อนรับข้อเสนอที่แพงขึ้นเช่นกัน