การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มีกำหนดการจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี ได้เวียนมาอีกครั้ง โดยมหกรรมการแข่งขันกีฬาระดับโลกในปีนี้จะเปิดฉากขึ้น ณ กรุงริโอ เดอ เจนาโร ประเทศบราซิล วันที่ 5 ส.ค. และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ส.ค. นี้ ลองนับนิ้วดูแล้วก็เหลือเวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหลายประเทศจะยังไม่แน่ใจว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีแห่งการเร่งสร้างและพัฒนาสถานที่ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคต่างๆในริโอ เดอ จาเนโร ณ วันนี้ บราซิลจะพร้อมต้อนรับบรรดานักกีฬา แฟนกีฬา และนักท่องเที่ยวราว 500,000 คนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศในช่วงการแข่งขันหรือไม่
เหตุที่ต้องตั้งคำถามว่าเจ้าภาพพร้อมสำหรับพิธีเปิดที่จะมาถึงอยู่รอมร่อหรือไม่นั้น ก็เพราะว่า บราซิลต้องรับมือกับหลากหลายปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ แม้ว่าจะเร่งแก้ปัญหากันวันต่อวัน แต่สถานการณ์ทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจถดถอยของประเทศอาจส่งผลให้บราซิลขยับตัวทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะแต่ละโครงการต้องใช้เม็ดเงินมูลค่ามหาศาล ทั้งนี้ ความท้าทายที่บราซิลต้องประสบพบเจอ ได้แก่
สถานการณ์ทางการเมืองของบราซิลในตอนนี้เรียกได้ว่ายังอยู่ในช่วงที่ขาดสเถียรภาพ ภายหลังจากที่ประชาชนจำนวนมากได้ออกมาขับไล่และสมาชิกพรรคฝ่ายค้านได้โหวตถอดถอนนางดิลมา รูสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีบราซิล ออกจากตำแหน่ง หลังมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอรัปชั่นในบริษัทปิโตรบราส์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลบราซิล และการใช้งบประมาณแผ่นดินในทางมิชอบ ส่งผลให้ นางรูเซฟฟ์ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งชั่วคราว โดยปัจจุบันมี นายมิเชล เทเมอร์ เป็นผู้รักษาการประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มดีขึ้นและสามารถกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากหลายฝ่ายมมองว่า จะรู้ทิศทางที่แน่นอนของบราซิลได้ภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขันโอลิมปิก
รัฐบาลบราซิลต้องหัวหมุนอย่างหนัก เพราะเมื่อประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากมหากาพย์การคอรัปชั่นของปธน.รูเซฟฟ์ ส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนที่ประกอบอาชีพตำรวจ ครู และบุคลากรในโรงพยาบาลได้รับค่าจ้างล่าช้า บ้างก็ถูกผ่อนชำระ หรือหนักสุดคือไม่ได้รับค่าแรงเลย ประชาชนต่างไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลทุ่มเงินราว 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดงานโอลิมปิก โดยไม่เร่งแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนในประเทศเสียก่อน แถมโครงการสาธารณูปโภค อาทิ รถไฟฟ้าใต้ดินส่วนขยาย ถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาใจนักกีฬาและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในประเทศเพียงไม่กี่วัน แต่กลับส่งผลประโยชน์เพียงน้อยนิดต่อประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
ในช่วงต้นปี มีการรายงานผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อไวรัสซิกาในบราซิล หลังจากนั้น โรคดังกล่าวก็ได้ลุกลามภายในบราซิล และกระจายไปยังอีก 22 ประเทศ กระทั่งองค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ไวรัสซิกาที่มียุงลายบ้านเป็นพาหะนำโรคเป็น "ภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลก" ก่อนหน้านี้นักกอล์ฟระดับชั้นนำ รวมถึงนักเทนนิส และนักกีฬาประเภทอื่นๆหลายคนขอถอนตัวไม่ลงแข่นขันในโอลิมปิกปีนี้ ขณะเดียวกัน นักกีฬาหลายคนยังยืนยันที่จะลงแข่ง แต่มีข้อแม้ว่าต้องได้รับวัคซีนและชุดป้องกันไวรัสเคลือบสารกันยุง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลบราซิลก็ไม่หวั่นพร้อมประกาศว่า เชื้อไวรัสซิกาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเนื่องจากโอลิมปิก เกมส์ จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม และตรงกับช่วงฤดูหนาวในประเทศบราซิล ซึ่งเป็นฤดูที่ไม่มียุงชุกชุม พร้อมกับยืนยันว่า โอกาสที่นักท่องเที่ยวจะติดเชื้อไวรัสซิกานั้นเท่ากับศูนย์ โดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขในประเทศจะทำลายพื้นที่เพาะพันธุ์แบบรายวันในระหว่างที่มีการแข่งขัน เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของประชาชน นักกีฬา แฟนกีฬา ตลอดจนนักท่องเที่ยว
หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือน้ำ ทว่าบราซิลกลับกำลังประสบปัญหาดังกล่าวอย่างหนักหนาสาหัสและเป็นประเด็นที่น่ากังวลมากที่สุด แหล่งน้ำหลายแห่งในกรุงริโอมีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่อันตรายเนื่องจากสิ่งปฏิกูล โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า นอกจากนักกีฬาที่ลงแข่งในกีฬาทางน้ำ อาทิ การแข่งพายเรือและการว่ายน้ำ ที่มีโอกาสติดเชื้อรุนแรงแล้ว นักท่องเที่ยวก็อาจได้รับความเสี่ยงดังกล่าวด้วยเช่นกัน แบคทีเรียและเชื้อโรคดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการปวดท้องและเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และอาจนำไปสู่การติดเชื้อในสมองและหัวใจ โดยความรุนแรงของการติดเชื้อขึ้นอยู่กับภูมิต้านทาน ความแข็งแรง และปัจจัยอื่นๆ ทั้งนี้ รัฐบาลบราซิลอยู่ระหว่างการเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเข้มงวดเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำปนเปื้อน รวมถึงการจัดตั้งโรงบำบัดน้ำเสียชั่วคราว และโครงการรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณขยะในแหล่งน้ำ
อาจกล่าวได้ว่าบราซิลตกอยู่ในภาวะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะนอกเหนือจากปัญหาภายในที่สาหัสสากรรจ์แล้ว ประเทศยังต้องรับมือกับศึกนอกบ้านที่สร้างความวิตกกังวลอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน
หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนพ.ย. 2558 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยราย สร้างความสะเทือนขวัญและความโศกเศร้าแก่ผู้คนทั่วโลก เพียงไม่นานจากนั้นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงรายหนึ่งได้ทวีตข้อความข่มขู่ว่า “บราซิล คือเป้าหมายต่อไปของเรา" ทวีตดังกล่าวจุดชนวนความวิตกกังวลของนักท่องเที่ยวที่มีแผนจะเดินทางเยือนบราซิลในช่วงฤดูกาลแข่งขันอีกหลายเท่าตัว ทำให้ทางการบราซิลต้องเร่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆมากขึ้น
โดยมาตรการอำนวยความสะดวกและรับรองความปลอดภัยให้แก่คณะนักกีฬา ผู้ชม และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาในประเทศ มีดังนี้
บราซิลได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 12 รายที่พัวพันกับการขมขู่ก่อการร้ายในช่วงโอลิมปิก โดยการเพิ่มจำนวนด่านตรวจ เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ทหารและกองกำลังรักษาความมั่นคงเป็น 85,000 นาย เพื่อรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งเมืองและบริเวณสถานที่จัดงาน รวมถึงการเข้มงวดด้านการจราจรบนท้องถนน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเทคนิคด้านการป้องกัน แม้ว่าความเข้มงวดดังกล่าวจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกในบางกรณี แต่ผู้มาเยือนก็สามารถมั่นใจได้ว่าได้รับความคุ้มครองและความปลอดภัยอย่างแน่นอน
บราซิลทุ่มงบกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินส่วนต่อขยาย อันเป็นระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสัญจรไปมาในช่วงการแข่งขัน โครงการดังกล่าวแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 ก.ค. หรือ 6 วันก่อนการแข่งขัน นับเป็นการตอกย้ำว่า บราซิลได้เร่งพัฒนาประเทศเพื่อรองรับการจัดงานจนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ ส่วนต่อขยายดังกล่าวเชื่อมระหว่างเขตอิปาเนมาในริโอ-เขบาร์รา ที่ตั้งโอลิมปิกปาร์กและหมู่บ้านโอลิมปิก ในเบื้องต้น ผู้ที่จะสามารถใช้บริหารรถไฟฟ้าใต้ดินได้คือนักกีฬา ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน และแฟนกีฬาที่มีบัตรเข้าชมในวันที่จะเดินทางเท่านั้น ประชาชนทั่วไปจะสามารถใช้บริการได้ในวันที่ 19 ก.ย.
นอกจากโครงการดังกล่าว เจ้าภาพโอลิมปิก ยังได้จัดตั้งหมู่บ้านนักกีฬา เพื่ออำนวยความสะดวกด้านที่พักให้แก่ทีมนักกีฬา รวมถึงการอนุมัติให้ Whatapp กลับมาเปิดให้บริการในประเทศอีกครั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารของธุรกิจ ประชาชนในพื้นที่ และผู้มาเยือน หลังจากที่บริษัทไม่สามารถทำตามเงื่อนไขบางประการของรัฐบาลได้จนถูกระงับการให้บริการ
เหลือเวลาอีกเพียง 2 วันที่มหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจะเปิดฉากขึ้น ณ กรุงริโอ เดอ เจนาโร แม้ว่าบางสิ่งบางอย่างอาจจะยังดูตะกุกตะกักและไม่สมบูรณ์แบบ 100% แต่เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนและรัฐบาลบราซิลจะยินดีต้อนรับเหล่านักกีฬา แฟนกีฬา และนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เราขอส่งแรงใจให้เหล่านักกีฬาจากทุกมุมโลกที่เดินทางไปชิงชัยเพื่อชื่อเสียงของประเทศและเป็นกำลังใจให้เจ้าภาพสามารถดำเนินการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 ได้อย่างราบรื่น