เมื่อไม่นานมานี้คงได้เห็นข่าวนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตกันบ้าง ล่าสุดคงหนีไม่ได้ที่จะเป็นข่าวเรื่องสุขภาพ ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นใหญ่ทั้งในแวดวงการเมืองและการเงินสหรัฐ หลังมีคนโพสต์คลิปวิดีโอทางทวิตเตอร์ ที่ปรากฎให้เห็นนางคลินตันวัย 68 ปีเดินโซเซ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยพยุงตัวระหว่างเดินขึ้นรถตู้ และได้ออกจากพิธีรำลึกครบรอบ 15 ปีก่อการร้าย 9/11 ก่อนกำหนด
*โรคปอดบวม ตัวการเบื้องหลังอาการป่วยล่าสุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สื่อสหรัฐรายงานว่า นางฮิลลารี คลินตัน ได้รับการวินิจฉัยที่บ้านว่าเป็นโรคปอดบวม หลังจากที่ได้แสดงอาการป่วยระหว่างการร่วมงานรำลึกเหตุการณ์ก่อการร้าย 9/11
พญ.ลิซา บาร์แดค แพทย์ประจำตัวนางคลินตัน กล่าวว่า "นางคลินตันได้รับยาฆ่าเชื้อ และได้รับคำแนะนำให้พักผ่อนและปรับตารางทำงานใหม่ โดยระหว่างเข้าร่วมงานเมื่อเช้านี้ ร่างกายของเธอเกิดอาการร้อนเกินไปและเสียน้ำไปเยอะมาก หมอจึงได้ตรวจร่างกายและให้น้ำทดแทน ขณะนี้นางคลินตันกำลังฟื้นตัวได้ดี"
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ต้องมีการยกเลิกแผนการเดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงการปรากฏตัวในรายการทอล์คโชว์ของ Ellen DeGeneres
*คนเราเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา จะแตกตื่นไปทำไม
น่าจะเป็นคำถามในใจหลายๆคน ซึ่งหากบุคคลนั้นเป็นคนธรรมดาทั่วไปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกมากนัก แต่เพราะนางคลินตันเป็นถึงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งมีแววได้เป็นประธานาธิบดีจริงๆ ผู้คนจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตลาดเงินสหรัฐ
ตลาดเงินนั้นคาดการณ์ไว้นานแล้วว่านางคลินตันจะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ทว่าเมื่อมีข่าวเรื่องสุขภาพแล้ว นักลงทุนในตลาดได้แสดงความกังวล เนื่องจากอาการป่วยที่ว่านี้หมายความว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน จะมีโอกาสได้เป็นผู้นำประเทศมากขึ้น
กระแสข่าวเรื่องสุขภาพของนางคลินตันได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนพยายามหลีกเลี่ยง ส่วนนายทรัมป์เองก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนเช่นกัน เนื่องจากนายทรัมป์เป็นคนที่เดาใจได้ยาก 3 วันดี 4 วันร้าย โดยนักลงทุนมองว่า หากนายทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีจริงๆ สินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำ น่าจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้น สำหรับตลาดเงินแล้ว สกุลเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เช่น ฟรังก์สวิส น่าจะได้รับแรงหนุน
ในขณะเดียวกัน หุ้นบริษัทอาวุธน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหากชัยชนะตกเป็นของนายทรัมป์ เนื่องจากนายทรัมป์เคยให้คำมั่นไว้ว่าจะปรับเพิ่มงบประมาณทางกลาโหม นอกจากนี้ หุ้นบริษัทด้านสุขภาพก็น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย เพราะนายทรัมป์เคยเสนอที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบให้กับบริษัทเหล่านี้
*ความเชื่อใจหมดสิ้น คลินตันจงใจปิดบังอาการป่วยจริงหรือ
การที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมีอาการป่วยนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นริชาร์ด นิกสัน บิล แบรดลีย์ หรือแม้กระทั่งบิล คลินตันเอง แต่ปัญหาอยู่ที่ความเชื่อใจ ซึ่งได้สั่นคลอนลงเมื่อนางคลินตันเลือกที่จะปิดบังอาการป่วยนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนมองว่าไม่มีความโปร่งใส
ฝ่ายรณรงค์หาเสียงของนางคลินตัน ได้ออกมายอมรับว่า ทางทีมงานได้รับมือกับข่าวสุขภาพของนางคลินตันอย่างไม่ถูกต้อง โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพเพิ่มเติมในอนาคต หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางทีมได้ปฏิเสธมาตลอด
นายไบรอัน ฟาลลอน โฆษกประจำตัวนางคลินตัน ให้สัมภาษณ์กับ MSNBC ว่า "ผมคิดว่าเมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว เราน่าจะรับมือกับประเด็นดังกล่าวได้ดีกว่านี้ ในแง่ของการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้เร็วกว่านี้"
*เปิดระเบียนสุขภาพ พบตั้งแต่อาการแพ้เกสรดอกไม้ยันไฮโปไทรอยด์
ปีนี้นางคลินตันอายุ 68 ปีแล้ว จะให้แข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเลยก็คงเป็นไปได้ยาก แต่นางคลินตันก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีสุขภาพดีคนหนึ่ง ในแง่ที่ว่าเธอได้เดินทางทั่วโลกมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ แล้วที่ผ่านมานางคลินตันเคยมีอาการป่วยอะไรบ้าง
เมื่อปีที่ผ่านมา แพทย์ประจำตัวนางคลินตันเคยกล่าวไว้ว่า นอกเหนือจากอาการแพ้เกสรดอกไม้ โรคไฮโปไทรอยด์ และล่าสุดโรคปอดบวมแล้ว นางคลินตันเคยเป็นโรคหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน สมองกระทบกระเทือน และยังเคยทำกระดูกข้อศอกข้างขวาร้าวหลังสะดุดล้มที่กระทรวงด้วย
อย่างไรก็ดี แพทย์ประจำตัวก็ได้ยืนยันว่า นางคลินตันได้เข้ารับการประเมินสุขภาพเรื่อยมา ปัจจุบันยังไม่พบอาการป่วยเพิ่มเติม ไม่พบสัญญาณโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่พบเนื้องอก พร้อมย้ำว่า นางคลินตันเป็นบุคคลที่มีสุขภาพดี สามารถเป็นประธานาธิบดีสหรัฐได้
*ทุกสายตาจับจ้องที่ “ทิม เคน" คาดคลินตันแอบปูทางไว้ให้แล้ว
หากนางคลินตันได้เป็นประธานาธิบดีจริงๆ เมื่อเธอเป็นอะไรไปแล้ว รองประธานาธิบดีจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งแทน นายทิม เคน วุฒิสมาชิกวัย 58 ปีจากรัฐเวอร์จิเนีย คู่สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของนางคลินตัน จึงถูกจับตาหลังนางคลินตันได้แสดงอาการป่วย โดยเมื่อย้อนกลับไปยังช่วงที่นางคลินตันประกาศชื่อคู่สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีแล้ว เธอได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่เธอเลือกจำเป็นต้องพร้อมที่จะเป็นประธานาธิบดีแทน “หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น" ดังนั้น นายทิม เคน ก็มีโอกาสเป็นประธานาธิบดีในอนาคต แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาเลยก็ตาม
จากสถิติที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีสหรัฐเคยมีโอกาสขึ้นเป็นประธานาธิบดีถึง 9 ราย โดยในจำนวนนี้ รองประธานาธิบดี 8 รายได้ดำรงตำแหน่งแทนที่เนื่องจากประธานาธิบดีในสมัยนั้นเสียชีวิต ขณะที่อีก 1 รายดำรงตำแหน่งแทนที่เพราะมีการลาออก ซึ่งครึ่งหนึ่งของจำนวนประธานาธิบดีที่เสียชีวิตนั้นเป็นการเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
แม้ว่าอาการเจ็บป่วยของนางคลินตันไม่ได้หมายความว่าเธอจะลงจากเวทีเลือกตั้ง แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจหนึ่งที่ทำให้ประชาชนหันมามองคู่สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในแง่ของวุฒิภาวะ ความสามารถ ทัศนคติ และประสบการณ์ โดยนายทิม เคน จะขึ้นโต้วาทีกับนายไมค์ เพนซ์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ วันที่ 4 ต.ค.นี้
ด้านตัวนายทิม เคน ได้ให้สัมภาษณ์หลังมีข่าวงานรำลึกเหตุการณ์ก่อการร้าย 9/11 ไว้ว่า ข่าวอาการป่วยของนางคลินตันนั้นไม่ได้สร้างแรงกดดันให้กับตัวเขา พร้อมทั้งให้คำยืนยันว่า นางคลินตันเป็นบุคคลที่มีสุขภาพดี โดยตัวเขานั้นได้เริ่มหาเสียงมาเป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือน ขณะที่นางคลินตันหาเสียงมาได้ 18 เดือนแล้ว ดังนั้นนางคลินตันจึงเป็นผู้สมัครที่เปี่ยมไปด้วยพลังอย่างที่เขาเทียบชั้นได้ยาก
*“ทรัมป์" เริ่มระวังตัว เตรียมเปิดเผยผลตรวจสุขภาพเร็วๆนี้
เมื่อมีรายงานข่าวเรื่องสุขภาพของนางคลินตัน จนได้ส่งผลกระทบในวงกว้างแล้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ก็เริ่มมีความระมัดระวังมากขึ้นในเรื่องของข้อมูลด้านสุขภาพ โดยนายทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับช่อง Fox News เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาไว้ว่า เมื่อผลตรวจสุขภาพโดยละเอียดออกมาแล้ว เขาจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวทันที หลังจากที่ผ่านมาได้มีการเผยแพร่เพียงจดหมายสั้นๆจากแพทย์ประจำตัว
นายทรัมป์ กล่าวว่า “ผมคิดว่าประเด็นนี้สำคัญมาก ที่จริงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้ไปตรวจสุขภาพ และจะเปิดเผยผลตรวจสุขภาพหลังได้รับข้อมูลแล้ว ผมหวังว่าผลจะออกมาดี ผมคิดว่าผลจะออกมาดี ผมรู้สึกยอดเยี่ยมมาก แต่เมื่อผลตรวจออกมาแล้ว ผมจะเผยแพร่ให้ทราบโดยละเอียด" นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวอวยพรว่า "ผมหวังว่าคุณคลินตันจะมีสุขภาพดีขึ้นในไม่ช้า และเราจะพบกันในเวทีดีเบตวันที่ 26 ก.ย."
*"คลินตัน" เดินยิ้ม ยอมรับ "ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่"
หลังมีข่าวนางคลินตันแสดงอาการคล้ายจะเป็นลมระหว่างขึ้นรถตู้ จากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เธอก็ได้ปรากฎตัวที่หน้าอพาร์ทเมนต์ของลูกสาวในนครนิวยอร์ก ขณะกำลังส่งยิ้มและโบกมือให้กับสื่อมวลชน นางคลินตันกล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกดีมาก วันนี้เป็นวันดีอีกวันในนิวยอร์ก"
และเพื่อสยบข่าวที่ว่าเธอจงใจปิดข้อมูลสุขภาพนั้น นางคลินตันได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ไว้ว่า “ตอนนั้นดิฉันแค่ไม่คิดว่าประเด็นดังกล่าวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่" พร้อมเสริมว่าที่เธอเดินโซเซนั้น เป็นเพียงเพราะเธอไม่หยุดทำงาน ซึ่งขัดคำสั่งหมอที่ขอให้เธอพักผ่อนสักระยะหนึ่ง
แม้นางคลินตันได้ออกมาปรากฎตัวหลังข่าวดังกล่าวแล้ว แต่ในโลกออนไลน์กลับเกิดกระแสข่าวลือว่า นางคลินตันได้จ้างคนหน้าเหมือนให้มาปรากฎตัวแทนที่ ขณะที่ตัวจริงนั้นยังป่วยอยู่ ถึงขั้นมีการเอารูปนางคลินตันระหว่างร่วมพิธีรำลึก มาเทียบกับรูปหลังเดินออกจากอพาร์ทเมนต์ลูกสาว ทั้งเทียบโหนกแก้ม รอยย่นที่คอ หน้าท้อง ความหนาของผม ไปจนถึงองศาคางไล่ไปทางจมูก อย่างไรก็ดีเป็นเพียงข่าวลือบนเว็บแท็บลอยด์เท่านั้น สื่อใหญ่ยังไม่มีเจ้าไหนรายงานข่าวเรื่องนี้ ดังนั้นประเด็นดังกล่าวยังไม่มีความน่าเชื่อถือพอ