In Focus“อูเบอร์" ระส่ำ ผู้บริหารตบเท้าลาออก เฟ้นหา COO กอบกู้วิกฤติ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 22, 2017 14:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เกิดอะไรขึ้นกับ “อูเบอร์" ? คือคำถามที่หลายคนสงสัยหลังการประกาศลาออกของ เจฟฟ์ โจนส์ ประธานอูเบอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้แค่เพียงหกเดือน และโบกมือลาตามไปติดๆ เป็นรายล่าสุดกับ ไบรอัน แมคเคลนดอน รองประธานฝ่ายแผนที่และแพลตฟอร์มธุรกิจ

การลาออกเป็นว่าเล่นของผู้บริหารอูเบอร์ รวมแล้วเจ็ดคนในระยะเวลาไม่ถึงเดือน นับเป็นภาพสะท้อนความระส่ำระสายภายในองค์กร ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวที่โหมกระหน่ำเข้าใส่อูเบอร์แบบรัวๆ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทผู้ให้บริการเรียกรถสาธารณะผ่านแอพพลิเคชันรุ่นบุกเบิกรายนี้

ย้อนรอยข่าวฉาว

19 ก.พ. - ซูซาน ฟาวเลอร์ อดีตพนักงานหญิงของอูเบอร์ โพสต์บล็อกแฉถูกหัวหน้างานคุกคามทางเพศ

20 ก.พ. - ซีอีโออูเบอร์สั่งสอบ กรณีอดีตพนักงานหญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน

23 ก.พ. - Waymo ฟ้อง อูเบอร์ ฐานขโมยข้อมูลที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ

28 ก.พ. - ทราวิส คาลานิค ซีอีโอออกมาขอโทษ หลังถูกคลิปแฉมีปากเสียงกับคนขับอูเบอร์

3 มี.ค. - นิวยอร์กไทมส์แฉอูเบอร์ใช้ Greyball หลอกลวงเจ้าหน้าที่รัฐ

7 มี.ค. - คาลานิคประกาศสรรหาซีโอโอ หวังช่วยกอบกู้วิกฤติศรัทธาภายในบริษัท

มหากาพย์เรื่องวุ่นชวนปวดเศียรเวียนเกล้าของอูเบอร์มึจุดเริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่ ซูซาน ฟาวเลอร์ อดีตวิศวกรหญิงของบริษัท ได้เปิดเผยเรื่องราวผ่านบล็อกเมื่อช่วงกลางเดือนก.พ. หลังจากที่เธอได้ลาออกจากอูเบอร์ไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยฟาวเลอร์เล่าว่า เธอถูกผู้จัดการสาขาในซานฟรานซิสโกพยายามคุกคามทางเพศด้วยคำพูดและข้อความทางโปรแกรมแชทของบริษัท และเมื่อแจ้งให้ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลทราบ กลับไม่มีการลงโทษใดๆ เกิดขึ้น โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลอ้างว่าบุคคลที่เธอกล่าวหากระทำความผิดครั้งแรก ทั้งยังเป็นพนักงานที่สร้างผลงานโดดเด่น จึงทำได้เพียงออกจดหมายเตือน

เรื่องฉาวดังกล่าวนำไปสู่การตั้งทีมสอบสวนอิสระเป็นการด่วน โดยนายทราวิส คาลานิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ได้สั่งสอบสวนเหตุคุกคามทางเพศและการปฏิบัติต่อพนักงานหญิงอย่างไม่เป็นธรรม และได้ว่าจ้าง อีริค โฮลเดอร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ให้เข้ามาเป็นผู้นำทีมสอบสวนดังกล่าว หวังลบข้อครหาและจัดระเบียบองค์กรอย่างจริงจัง

แต่เรื่องเก่ายังไม่ทันที่จะคลี่คลาย อูเบอร์ก็ต้องเจอกับโจทก์ใหม่ ตรงกับภาษิตไทยที่ว่า ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก เมื่อ "เวย์โม" (Waymo) บริษัทวิจัยและพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของอัลฟาเบต บริษัทแม่ของกูเกิล ได้ยื่นฟ้องอูเบอร์ หลังพบว่าอดีตวิศวกรของโครงการรถไร้คนขับของกูเกิลได้ขโมยข้อมูลลับทางเทคโนโลยี ก่อนที่จะย้ายไปทำงานให้กับทางอูเบอร์ ซึ่งกำลังก่อตั้งแผนกรถยนต์ไร้คนขับเช่นกัน

เรื่องศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกยังไม่หมดเพียงเท่านี้ อูเบอร์เจอเข้าไปอีกแผล คราวนี้เกิดกับตัวซีอีโอเองเลยทีเดียว เมื่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องติดรถยนต์ ขณะที่ซีอีโอของอูเบอร์โต้เถียงกับผู้ขับอูเบอร์ เรื่องรายได้จากบริการที่ลดลง โดยเนื้อหาในคลิปมีคำพูดไม่เหมาะสมที่ซีอีโอใช้กับคนขับรถ ที่วิจารณ์นโยบายลดราคาของอูเบอร์ว่าส่งผลให้รายได้ของผู้ขับลดลงตามไปด้วย ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวถูกแพร่ออกไป นายคาลานิคก็ได้ร่อนแถลงการณ์ยอมรับผิดและขอโทษคนขับรถในคลิป พร้อมระบุด้วยว่าตัวเขาจะตั้งใจปรับปรุง และจะพยายามหาที่ปรึกษาเพื่อให้ตัวเขาสามารถเป็นผู้นำองค์กรที่ดีขึ้น

ไม่ถึงสัปดาห์ต่อมา อูเบอร์ตกเป็นข่าวฉาวอีกครั้ง หลังนิวยอร์กไทมส์ได้รายงานเรื่องฟีเจอร์ลับที่มีชื่อว่า “เกรย์บอล" (Greyball) ซึ่งอูเบอร์ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อปล่อยภาพรถปลอมเพื่อลวงตำรวจที่มาล่อใช้บริการ โดยเจ้าเกรย์บอลล์นี้จะเก็บข้อมูลจากแอพพลิเคชัน เพื่อวิเคราะห์ให้ผู้ขับอูเบอร์ทราบว่า ไม่ควรจะขับรถเข้าไปใกล้พื้นที่ใด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเจ้าหน้าที่จับกุม โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองใหญ่ที่เจ้าหน้าที่รัฐพยายามปิดกั้นบริการอูเบอร์

จากปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสายนี้ ในที่สุด คาลานิกก็ตัดสินใจว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ และประกาศหาซีโอโอเพื่อมาช่วยกอบกู้สถานการณ์

ผู้บริหารตบเท้าลาออก

27 ก.พ. - อามิต สิงหล รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรม

3 มี.ค. - เอ็ด เบเกอร์ รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการเติบโต, ชาร์ลี มิลเลอร์ วิศวกรอาวุโสฝ่ายพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ

8 มี.ค. - แกรี่ มาร์คัส ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการเอไอ

16 มี.ค. - ราฟฟี ไครโคเรียน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม ประจำศูนย์เทคโนโลยีขั้นสูงของอูเบอร์

19 มี.ค. - เจฟฟ์ โจนส์ ประธานบริษัท

20 มี.ค. - ไบรอัน แมคเคลนดอน รองประธานฝ่ายแผนที่และแพลตฟอร์มธุรกิจ

การทยอยลาออกของบุคลากรระดับผู้บริหารหรือหัวหน้าเกือบ 10 คน เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าปัญหาทั้งหลายทั้งแหล่ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในระดับสูงสุด

เริ่มจาก อามิต สิงหล รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมที่ได้โบกมือลาอูเบอร์ หลังจากที่เข้ามาร่วมงานกับบริษัทได้เพียงห้าสัปดาห์ ซึ่งการลาออกของเขามีความเชื่อมโยงกับข่าวฉาวเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อมีการเปิดเผยว่า สิงหลเคยมีประวัติถูกสอบสวนเรื่องล่วงละเมิดทางเพศขณะทำงานที่กูเกิลมาก่อน

ต่อมาเพียงสี่วัน อูเบอร์สูญเสียผู้บริหารระดับสูงไปอีกคน ได้แก่ เอ็ด เบเกอร์ ซึ่งร่วมงานกับอูเบอร์มานานกว่าสามปี แม้อีเมลของเบเกอร์ระบุว่า ตัวเขาต้องการย้ายไปทำงานในภาคสาธารณะ แต่การลาออกครั้งนี้ยังคงเป็นที่กังขา เพราะมีการตั้งข้อสงสัยว่า เบเกอร์อาจเกี่ยวข้องกับคดีล่วงละเมิดทางเพศอดีตวิศวกรหญิง

ในวันเดียวกัน ชาร์ลี มิลเลอร์ วิศวกรอาวุโส ก็ได้ลาออกไปอยู่กับ ติตี้ ฉงชิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งรายใหญ่ของอูเบอร์ในจีน

จนมาถึงกรณีของ เจฟฟ์ โจนส์ ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท หรือเบอร์สองรองจากซีอีโอ หลังเข้ามาทำงานได้เพียงหกเดือน โดยเขาให้เหตุผลว่าแนวทางการทำงานของอูเบอร์ไม่ตรงกับแนวทางของเขา จึงไม่สามารถนั่งทำงานในตำแหน่งนี้ต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า เหตุผลที่โจนส์ลาออกเนื่องจากพบว่า อูเบอร์เต็มไปด้วยปัญหามากมาย ต่างจากที่เขาคาดไว้ตั้งแต่แรก นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องการเหยียดเพศของอูเบอร์ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โจนส์ลาออก บวกกับฟางเส้นสุดท้ายคือ คาลานิคประกาศหาตัวซีโอโอซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่ซ้อนกับโจนส์ด้วย

สำหรับไบรอัน แมคเคลนดอน รองประธานฝ่ายแผนที่นั้น เคยทำงานให้กับกูเกิลมานับสิบปี ก่อนจะมาอยู่กับอูเบอร์เมื่อสองปีที่แล้ว โดยเขาเป็นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Keyhole ก่อนถูกกูเกิลซื้อกิจการ และพัฒนาต่อยอดกลายเป็น Google Earth จากนั้นเขายังได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Google Maps และ StreetView แมคเคลนดอนถือเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านแผนที่เป็นอย่างมาก การลาออกของเขาจึงถือเป็นการสูญเสียผู้บริหารฝีมือดีไปอย่างน่าเสียดาย

ทั้งนี้ ผลการสอบสวนกรณีล่วงละเมิดทางเพศ คาดว่าจะทราบได้ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ซึ่งจนกว่าจะถึงตอนนั้น เราอาจจะเห็นผู้บริหารอูเบอร์ไขก๊อกลาออกไปอีกหลายราย ขณะที่การสรรหาอัศวินขี่ม้าขาวมากอบกู้ภาพลักษณ์องค์กรให้กลับมาใสสะอาดก็ยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องยากยิ่ง ในยามที่ชื่อเสียงของอูเบอร์หม่นหมองลงเช่นนี้


แท็ก In Focus:  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ