In Focus"มูน แจ อิน" กับภารกิจปฏิรูปกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ สานสัมพันธ์ผู้นำโสมแดง และรับมือกับผู้นำขวานผ่าซากจากยูเอส

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 11, 2017 10:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มูน แจ อิน ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำประเทศคนใหม่แล้วเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่สามารถคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ภารกิจที่ประธานาธิบดีคนใหม่แห่งแดนโสมขาวต้องผลักดันในเส้นทางสายประธานาธิบดีเบื้องหน้ามีทั้งงานด้านการเมืองระหว่างประเทศที่ต้องรับมือกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่นิยมการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์อย่าง “คิม จอง อึน" รวมทั้งประธานาธิบดีขวานผ่าซากผู้มีนโยบายที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดสงครามอย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์" ที่เตรียมโบ้ยให้เกาหลีใต้รับภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูง (THAAD)

ภารกิจด้านเศรษฐกิจของประเทศก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่นายมูน แจ อิน ตั้งหมุดหมายไว้ว่า จะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น In Focus สัปดาห์นี้ จึงขอนำเสนอแนวทางการบริหารประเทศทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจของผู้นำคนใหม่แดนโสมขาว ผู้ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ลี้ภัยจากเกาหลีเหนือ และเคยทำหน้าที่เป็นกองกำลังพิเศษของประเทศก่อนที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางทนายด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการเมือง ทั้งในบทบาทของนักศึกษาที่เคยถูกส่งตัวเข้าเรือนจำจากการเป็นแกนนำการประท้วงนายปาร์ค ชุง ฮี บิดาของนางปาร์ค กึน เฮ ตลอดจนผู้ช่วยระดับสูงของอดีตประธานาธิบดีโรห์ มู ฮยุน

กลยุทธ์ไม้อ่อนสยบเด็กดื้อ

นายมูน แจ อิน ได้ประกาศเมื่อวานนี้ ว่า ตนเองพร้อมที่จะเจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือในช่วงเวลาที่เหมาะสม ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งแรงกดดันและการคว่ำบาตรโสมแดงควบคู่กันไปด้วย ซึ่งถือเป็นจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากนางปาร์ค กึน เฮ อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่เลือกใช้ไม้แข็งกับประเทศเพื่อนบ้าน

แม้ว่า โสมแดงจะยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับชัยชนะของนายมูน แต่ก่อนหน้านี้ โสมแดงก็ได้ส่งสัญญาณมาแล้วว่า มูน แจ อิน เป็นแคนดิเดทที่โสมแดงต้องการ

ศาตราจารย์ คิม ยอง ฮยุน แห่งมหาวิทยาลัยดองกุค ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือได้กล่าวกับสำนักข่าวยอนฮัพ ซึ่งเป็นสำนักข่าวแห่งชาติของเกาหลีใต้ว่า มูน แจ อิน คงจะเต็มใจที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ ผมเชื่อว่า การที่เกาหลีเหนือระงับการเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์จะเป็นจุดเริ่มต้นที่อาจจะทำให้นายมูนสามารถเดินหน้านโยบายเกาหลีเหนือต่อไปได้

แต่สตีเฟน อีแวนส์ ผู้สื่อข่าวด้านเกาหลีของบีบีซี กลับมองว่า แม้ว่าโทนนโยบายของนายมูน จะไม่แข็งกร้าว แต่นโยบายของนายมูน ก็ใช่ว่าจะง่ายเสมอไป การที่ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ประกาศแล้วว่า ต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นกับเกาหลีเหนือนั้น ตนเองมองว่า ท้ายที่สุดแล้วการเดินทางเยือนสหรัฐน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนมากกว่าการเจรจากับผู้นำโสมแดง เพราะการเจรจากับผู้นำโสมแดงคงกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันทีหากผู้นำคงนี้ยังคงทดสอบนิวเคลียร์อย่างไม่หยุดหย่อน

เดินหน้ายกเครื่องกำราบบิ๊กโฟร์แห่งกลุ่ม “แชร์โบล"

ด้วยอำนาจและอิทธิพลที่ครอบงำเศรษฐกิจเกาหลีใต้ของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ 4 กลุ่มซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “แชร์โบล" ที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบของธุรกิจครอบครัว ทำให้ “ มูน แจ อิน" พุ่งเป้าไปที่กลุ่มแชร์โบลบิ๊กโฟร์ ซึ่งประกอบไปด้วย ซัมซุง กรุ๊ป, ฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป, เอสเค กรุ๊ป และแอลจี กรุ๊ป

หากมองจากจุดยืนของนายมู แจ อิน ที่เคยกล่าวไว้ว่า ตนเองเข้ามาทำหน้าที่โดยไม่มีเงินสักแดงในกระเป๋าและจะอำลาตำแหน่งพร้อมไปกระเป๋าสตางค์ที่ว่างเปล่าด้วยเช่นกันนี้ คงจะเห็นได้ว่า “การเข้ามาหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่" ไม่ใช่แรงจูงใจของประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ดังนั้น นักการเมืองและนักธุรกิจที่กระหายซึ่งผลประโยชน์คงจะต้องคิดหนักภายใต้รัฐบาลชุดใหม่

การเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างธรรมมาภิบาลด้วยการสร้างความโปร่งใส และการดูแลให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมจึงเป็นหลักการที่จะกลายมาเป็นนโยบายในเชิงปฏิบัติ ในขณะที่กลุ่มแชร์โบลบิ๊กโฟร์มีสินทรัพย์ที่คิดเป็นสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์บริษัทชั้นนำทั้ง 30 แห่งของประเทศนั้น ตกเป็นข้อครหามานานเกี่ยวกับกิจการที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและการได้มาซึ่งความร่ำรวย เพราะมีส่วนพัวพันกับการทำธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งอินไซเดอร์ เทรดดิ้ง การทำสัญญากับเฉพาะบริษัทในเครือ หรือแม้แต่การบีบให้บริษัทผู้รับเหมาลดราคาลง

ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบาลชุดใหม่ของโสมขาวจึงมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยอัยการ ตำรวจ ตัวแทนจากหน่วยงานด้านภาษี คณะกรรมการการค้าที่เป็นธรร คณะทำงานด้านการตรวจสอบบัญชี และหน่วยงานด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อที่จะเดินหน้าสอบสวนและลงโทษการกระทำที่เป็นการกดขี่ของบรรดากลุ่มแชร์โบลเหล่านี้

นอกจากนี้ มูน แจ อิน ยังให้คำมั่นเรื่องการตัดสายสัมพันธ์แห่งการทุจริตระหว่างธุรกิจยักษ์ใหญ่กับรัฐบาล ซึ่งเราคงจะเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนกันมาแล้วกับกรณีของนายลี แจ ยอง ทายาทกลุ่มซัมซุงที่ถูกจับกุมตัวด้วยข้อหาติดสินบน และพัวพันกับการเบิกความเท็จในเหตุคอร์รัปชั่นที่อื้อฉาวจนทำให้นางปาร์ค กึน เฮ ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในที่สุด

รัฐบาลชุดใหม่ของเกาหลีใต้ยังวางแผนที่จะเปิดทางให้กลุ่มผู้ถือหุ้นมีสิทธิในการฟ้องร้องบริษัทที่ทำธุรกิจโดยมิชอบผ่านทางบริษัทในเครือ รวมทั้งการให้อำนาจในการโหวตแก่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อให้โอกาสแก่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยได้มีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจด้านนโยบายที่สำคัญของบริษัท ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของแผนการปฏิรูปกลุ่มแชร์โบล

อีกแผนการณ์หนึ่งของรัฐบาลชุดใหม่ก็คือ การเข้มงวดกับการลงโทษผู้บริหารในแวดวงธุรกิจ รวมทั้งการเพิ่มความสำคัญกับการลงโทษการก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยผู้บริหารภาคเอกชน ซึ่งแผนการปฏิรูปดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากบรรดานักเศรษฐศาสตร์

ศาสตราจารย์ลี ฟิง ซัง แห่งมหาวิทยาลัยโซล เนชั่นแนล ยูนิเวอร์ซิตี้ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบโครงการปฏิรูปกลุ่มแชร์โบลกับรัฐบาลชุดก่อนๆแล้ว แผนการณ์ของนายมูนดูเหมือนจะเป็นจริงได้มากกว่า แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันต่อไปว่าการผลักดันให้มีการปฏิรูปดังกล่าวจะเดินหน้าและลงลึกไปได้สักเพียงใด

ภารกิจท้าทายกับ “ทรัมป์" และ “THAAD"

หากเกาหลีใต้ถูกบีบให้ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นกับระบบ THAAD ดูเหมือนว่า การที่กองทัพสหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพในเกาหลีใต้นั้น กลายเป็นเรื่องของการหาประโยชน์และสร้างรายได้ รวมทั้งปักหมุดขยายอิทธิพลของตนเองในเอเชียกว่าการเข้ามาช่วยปกป้องเกาหลีใต้จากภัยคุกคามของประเทศเพื่อนบ้าน

ก่อนหน้านี้ นายมูน แจ อิน เคยกล่าวไว้ก่อนที่จะคว้าชัยชนะว่า รัฐบาลของนางปาร์คได้ตัดสินใจเรื่องระบบ THAAD ชนิดไม่ปรึกษาหารือใคร อีกทั้งยังไม่รับฟังเสียงจากประเทศประชาชนในประเทศ และเสียงจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น รัฐบาลชุดใหม่จึงควรที่จะทบทวนจุดยืนในเรื่องระบบป้องกันภัยคุกคามเจ้าปัญหานี้

ที่ผ่านมา ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้เป็นที่รู้กันดีว่า ต้องการสร้างสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐและจีน เพราะจากประสบการณ์ที่เคยเป็นหัวหน้าคณะทำงานให้กับอดีตประธานาธิบดีโรห์ มู ฮยุน อดีตประธานาธิบดีผู้นี้เองก็เดินหน้าแนวทางการลดอิทธิพลของสหรัฐทั้งในด้านการเมืองและทหารมาแล้ว

ดร.จอห์น นีลสัน ไรท์ อาจารย์ด้านการเมืองญี่ปุ่นและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเอชัยตะวันออก แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้แสดงความคิดเห็นผ่านบทความที่ได้มีการเผยแพร่ในบีบีซีไว้อย่างน่าสนใจว่า ท้ายที่สุดแล้ว หนทางเข้าถึงกรุงเปียงยางก็ต้องทำผ่านกรุงปักกิ่ง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าจีนให้การสนับสนุนด้านพลังงานและอาหารแก่เกาหลีเหนือเท่านั้น การติดตั้งแบตเตอรี่ของระบบ THAAD ล่าสุดได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งทางการจีนได้ตอบโต้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วยการใช้นโยบายแบบแบ่งแยกกับบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้

การที่จะรับมือกับทรัมป์และ THAAD จึงต้องใช้ความยืดหยุ่นทางการทูต ซึ่งทำให้รัฐบาลชุดใหม่ของมูน แจ อิน ต้องรักษาความสัมพันธ์กับจีนไว้ เพื่อที่จะคงไว้ซึ่งหนทางที่จะเดินหน้านโยบายใดๆกับเกาหลีเหนือ

ด้วยความที่มูน แจ อิน ได้เข้ามาทำหน้าที่ในช่วงที่อดีตประธานาธิบดีปาร์คถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ยังทำให้มูน แจ อิน ต้องทำงานร่วมกับคณะทำงานจากรัฐบาลชุดก่อน ตลอดจนข้าราชการที่ได้มีการแต่งตั้งในสมัยรัฐบาลปาร์คในช่วงเริ่มต้นของการทำหน้าที่ท่ามกลางภารกิจที่ท้าทายทั้งหลายแหล่ แต่ด้วยประสบการณ์ทางการเมืองและจุดยืนที่แตกต่าง มูน แจ อิน จึงกลายเป็นที่จับตาทั้งจากชาวเกาหลีใต้และนานาประเทศว่า เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศในวาระการทำหน้าที่ 5 ปีจากนี้ไปได้มากน้อยเพียงใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ