เปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 (19th Communist Party of China (CPC) National Congress) เมื่อเวลา 9.00 น. ของวันนี้ (18 ตุลาคม) ณ มหาศาลาประชาชน นครปักกิ่ง โดยการประชุมซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของจีน และเป็นที่จับตาจากทั่วโลกนี้ จะดำเนินไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะสิ้นสุดลงในวันอังคารที่ 24 ตุลาคม
อย่างที่เกริ่นมาแล้วว่า การประชุมดังกล่าวมีความสำคัญและได้รับความสนใจจากทั้งสื่อจีนเองและสื่อต่างประเทศ ทางคอลัมน์ In Focus จึงไม่พลาดขอเกาะกระแสเหตุการณ์ใหญ่ของโลก ด้วยการหยิบเอาข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอ
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนคือ “อะไร" ?
ทุกๆ 5 ปี ผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ CPC จากทั่วประเทศจะเดินทางมาประชุมกันที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง เพื่อเลือกผู้นำการเมืองชุดใหม่ของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการกลาง (Central Committee) ที่ทรงอำนาจราว 200 คน คณะกรรมการกรมการเมือง (Politburo) 25 คน และคณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) ที่มีสมาชิก 5-9 คน รวมไปถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อการสอบวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Central Commission for Discipline Inspection หรือ CCDI)
อย่างไรก็ดี แม้การประชุมสมัชชาใหญ่ถือเป็นองค์กรสูงสุดที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตัดสินใจส่วนใหญ่นั้นได้มีขึ้นก่อนการประชุมจริง กล่าวคือ ถึงจะมีการลงคะแนนในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ แต่ในความเป็นจริง กลุ่มคนเหล่านั้นได้ถูกคัดเลือกไว้แล้วโดยผู้นำคนปัจจุบัน และคณะกรรมการกลางมีหน้าที่เพียงแค่รับรองคำสั่งเท่านั้น
สำหรับตำแหน่งสำคัญที่สุดที่จะมีการคัดเลือกและแต่งตั้งในการประชุมแต่ละครั้งก็คือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ หรือเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผู้นำสูงสุดของพรรค แล้วตำแหน่งนี้มีความสำคัญอย่างไร ก็สำคัญตรงที่ผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ จะได้ก้าวขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีจีนต่อไปในอนาคต ดังเช่น นายสี จิ้นผิง ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 18 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 จากนั้นสภาประชาชนแห่งชาติ (National People's Congress: NPC) หรือ รัฐสภาของจีน ซึ่งมีสมาชิกเกือบ 3,000 คน จึงได้มีมติแต่งตั้งนายสี ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนมีนาคม 2556
โดยในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 นี้ คาดว่า นายสี จิ้นผิง จะยังคงได้รับเลือกให้นั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคต่อไป
นอกจากการแต่งตั้งแกนนำพรรคชุดใหม่ที่จะทำหน้าที่ต่อไปอีก 5 ปีแล้ว ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะนำเสนอรายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของพรรคในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว การประชุมสมัชชาใหญ่มักจะเป็นเรื่องของการกำหนดอุดมการณ์ของพรรคเสียมากกว่าที่จะเป็นการประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจหรือนโยบายต่างประเทศ
“ใคร" ที่จะมีสิทธิเข้าร่วมการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ?
ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำนวน 2,287 คนจากทั่วประเทศ ต่างตบเท้ามุ่งหน้าสู่เมืองหลวง บ้างก็เดินทางมาโดยเครื่องบิน บ้างก็มาทางรถไฟและรถบัส
พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีสมาชิกราว 89 ล้านคน หรือประมาณ 6.8% ของประชากรทั้งประเทศ จึงเป็นไปได้ที่สมาชิกทุกคนจะได้เฮละโลเข้าร่วมการประชุม ทำให้ต้องมีการคัดเลือกผู้แทนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามที่ทางพรรคกำหนดไว้
สำหรับผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 19 นี้ ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลต่างๆ ในระหว่างการประชุมระดับท้องถิ่นเมื่อช่วงต้นปีนี้ ไม่เว้นแม้แต่ปธน. สี จิ้นผิง ซึ่งได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์จากที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 12 ประจำมณฑลกุ้ยโจว เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ให้เป็นตัวแทนของมณฑลเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งนี้
โดยในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 19 นี้ มีผู้แทนได้รับเลือกทั้งสิ้น 2,287 คน หรือเทียบเท่ากับตัวแทน 1 คนต่อสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทุก 4,000 คน และมีรายงานว่า ผู้แทน 771 คนในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งนี้ มาจากชนชั้นรากหญ้า ซึ่งคิดเป็น 33.7% ของผู้แทนทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ไม่ได้มีแค่เพียงตัวแทนจากมณฑลและแกนนำอาวุโสของพรรคเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จากชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ต่างๆ สมาชิกที่เป็นผู้หญิง ตลอดจนผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคม ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การป้องกันประเทศ ตุลาการ การศึกษา วัฒนธรรม สาธารณสุข และวงการกีฬา เป็นต้น
การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดขึ้นครั้งแรก “เมื่อไหร่" ?
การประชุมสมัชชาใหญ่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่นครเซี่ยงไฮ้ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2464 โดยมีผู้แทนเพียง 12 คน ซึ่งรวมถึงประธานเหมา เจ๋อตง จากสมาชิกพรรคจำนวนทั้งสิ้น 60 คน จากนั้นได้มีการจัดการประชุมขึ้นอีก 10 ครั้งต่อมา แต่ดำเนินไปอย่างไม่สม่ำเสมอ โดยมีการเว้นวรรค หรือหยุดพักการประชุมเป็นช่วงๆ จนกระทั่งปี 2525 การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จึงได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ 5 ปี
อย่างไรก็ตาม การประชุมสมัชชาใหญ่สามารถจัดขึ้นก่อนวันที่กำหนดเอาไว้ หากทางคณะกรรมการกลางพิจารณาเห็นว่าจำเป็น หรือมีองค์กรระดับมณฑลมากกว่าหนึ่งในสามร้องขอ แต่การประชุมไม่สามารถเลื่อนออกไปได้ นอกเสียจากว่ามีสถานการณ์พิเศษหรือไม่ปกติเกิดขึ้น
“เหตุใด" การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงเป็นที่จับตามอง ?
วาทกรรมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์จีน (หรืออาจรวมถึงประวัติศาสตร์โลก) หลายวาทกรรมได้เกิดขึ้นในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ยกตัวอย่างเช่นในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 12 เมื่อปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงที่จีนเข้าสู่กลียุค โดยในการประชุมครั้งนั้น นายเติ้ง เสี่ยวผิง ได้ผลักดันแนวคิดการสร้างระบอบสังคมนิยมประชาธิปไตยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบจีน ด้วยการเปิดประเทศและเริ่มยุคแห่งการปฏิรูป ภายใต้ “นโยบายสี่ทันสมัย" อันลือเลื่อง ต่อมาในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 16 ปี 2545 จึงได้มีการแก้ไขธรรมนูญของพรรคเพื่อสถาปนา “ทฤษฎีเติ้ง เสี่ยวผิง" ให้เป็นอุดมการณ์หลักของพรรค
การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งนี้สำคัญ “อย่างไร" ?
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเตรียมเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษในปี พ.ศ. 2564 ด้วยเหตุนี้ ทางพรรคจึงกำลังเร่งมือดำเนินงานเพื่อสร้าง “สังคมที่เจริญรุ่งเรืองอย่างพอประมาณ" ตามที่ปธน.สี จิ้นผิง ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ดำเนินการในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามการคอร์รัปชั่นภายในพรรคอย่างเข้มข้น โดยนับตั้งแต่ที่ปธน.สีก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศ CCDI ซึ่งเป็นองค์กรปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นสูงสุดของจีน ได้เปิดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าระดับสูง 240 คน และสมาชิกพรรคอย่างน้อย 1.14 ล้านคน ทั้งยังได้ลงโทษกลุ่มแกนนำการเมืองหลายกลุ่ม
นอกจากนี้ คาดว่า ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 นี้ จะมีการแก้ไขธรรมนูญพรรค ซึ่งอาจจะเปิดทางให้ปธน.สี กุมอำนาจได้อย่างเด็ดขาดมากขึ้นต่อไปอีก หลังจากที่ผ่านมาเขาได้ขึ้นดำรงตำแหน่งต่างๆ ซึ่งรวมถึงตำแหน่ง ผู้นำสูงสุดของจีน เทียบชั้นอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างประธาน เหมา เจ๋อตุง และ เติ้ง เสี่ยวผิง เลยทีเดียว
แค่วันแรกของการประชุม ทุกสำนักข่าวต่างรายงานถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสีที่ครอบคลุมหลายแง่มุม สะท้อนให้เห็นทิศทางที่จีนจะดำเนินต่อไป แต่วาระสำคัญยังไม่สิ้นสุดลงแค่นี้ การประชุมใหญ่ของมหาอำนาจอย่างจีน ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ต้องติดตามกันต่อไป