In Focusย้อนรอยโศกนาฏกรรมช็อคโลกตลอดปี 2560

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 20, 2017 17:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ปีใหม่ใกล้เข้ามาทุกที และเช่นเคยในเดือนสุดท้ายของปีที่เราจะพาย้อนรอยไปดูเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้มีการนำเสนอเรื่องราวของผู้นำและสถานการณ์การเมืองที่สำคัญๆ ในรอบปีไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สัปดาห์นี้ In Focus จะประมวลเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นทั่วโลกตลอดปี 2560 มาให้ผู้อ่านได้ร่วมทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตไปพร้อมๆกัน

*1 มกราคม - มือปืนบุกกราดยิงไนท์คลับกลางอิสตันบูล

เหตุการณ์สะเทือนขวัญเหตุการณ์แรกของปีนี้เกิดขึ้นในวันแรกของปีพอดี เมื่อมือปืนสวมชุดซานตาครอสใช้อาวุธปืนกราดยิงผู้คนที่กำลังเฉลิมฉลองปีใหม่กันอยู่ที่ร้าน “ไนรา ไนท์คลับ" สถานบันเทิงชื่อดังในย่านออร์ทาคอย ของเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อเวลาประมาณ 01.15น.ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 39 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

หลังเกิดเหตุกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนี้ โดยระบุในแถลงการณ์ว่า "ทหารกล้าแห่งรัฐคอลีฟะฮ์ได้โจมตีสถานบันเทิงที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของตุรกี อันเป็นสถานที่ซึ่งชาวคริสต์หลายร้อยคนมาร่วมเฉลิมฉลองรับเทศกาลปีใหม่"

*22 มีนาคม - เหตุโจมตีใกล้อาคารรัฐสภาอังกฤษ

เมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. ของวันที่ 22 มีนาคม ตามเวลาอังกฤษ ได้เกิดเหตุคนร้าย ซึ่งต่อมาได้รับการเปิดเผยว่าคือ นายคาหลิด มาซูด วัย 52 ปี ขับรถยนต์แล่นเข้าใส่ฝูงชนบริเวณสะพานเวสต์มินสเตอร์ ใจกลางกรุงลอนดอน ก่อนจะพุ่งชนรั้วอาคารรัฐสภาอังกฤษและใช้มีดไล่แทงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยนายมาซูดได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม หลังจากที่เขาใช้มีดแทงตำรวจนายหนึ่งเสียชีวิต

ต่อมาสำนักข่าวอามัคของกลุ่มรัฐ IS ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีนอกอาคารรัฐสภาอังกฤษ โดยระบุว่า "ผู้ก่อเหตุโจมตีบริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภาอังกฤษที่กรุงลอนดอนเป็นทหารของกลุ่ม IS โดยเขาได้กระทำการดังกล่าวเพื่อขานรับเสียงเรียกร้องให้เล็งเป้าหมายโจมตีประชาชนของชาติพันธมิตร"

*3 เมษายน - วินาศกรรมรถไฟใต้ดินรัสเซีย

เหตุการณ์ระเบิดในรถไฟใต้ดินที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.40 น ของวันที่ 3 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น ขณะรถไฟกำลังแล่นออกจากสถานี Sennaya Ploshchad ไปยังสถานี Tekhnologichesky Institut ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบราย

หลังเกิดเหตุพนักงานควบคุมรถได้ตัดสินใจขับรถไฟไปเทียบชานชาลาที่สถานี Tekhnologichesky Institut และระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ท่ามกลางความตื่นตระหนักของผู้โดยสารที่หนีออกมาจากขบวนรถ

คณะกรรมการสอบสวนแห่งรัสเซีย (RIC) ได้ออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า มือระเบิดพลีชีพผู้ก่อเหตุคือชายวัย 22 ปี ชื่อนายอัคบาร์ซอน ซาลิลอฟ ซึ่งเกิดที่คีร์กีซสถาน และได้รับสิทธิเป็นพลเมืองของรัสเซีย

*9 เมษายน - ระเบิดในโบสถ์คริสต์นิกายออปติกของอียิปต์

เหตุการณ์ระเบิดโบสถ์นิกายคอปติกในอียิปต์นี้เกิดขึ้นถึง 2 เหตุการณ์ในวันเดียวกัน โดยเหตุการณ์แรกเกิดที่โบสถ์เซนต์ จอร์จส์ คอปติก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ เมืองตันตะ ห่างจากพื้นที่ตอนเหนือของกรุงไคโรออกไปประมาณ 80 กิโลเมตร ในขณะที่ชาวคริสต์กำลังร่วมกันประกอบพิธีทางศาสนาเนื่องในวันปาล์มซันเดย์ (Palm Sunday) อันเป็นวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ และหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ก็ได้เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์นิกายคอปติกอีกแห่งหนึ่ง ในเมืองอเล็กซานเดรีย

หลังเกิดเหตุประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซีซี ของอียิปต์ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศเป็นเวลา 3 เดือน

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 100 ราย โดยภายหลังกลุ่ม IS ได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว

*22 พฤษภาคม - วินาศกรรมกลางงานคอนเสิร์ตอาเรียนา แกรนเด ที่แมนเชสเตอร์ อารีนา

เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษเปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. ของวันที่ 23 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้งที่แมนเชสเตอร์ อารีนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องสาว อาเรียนา แกรนเด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 คน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ระบุตัวมือระเบิดซึ่งมีชื่อว่า ซัลแมน อาเบดี หรือซัลแมน รามาดอน อาเบดี และสามารถจับกุมตัวพ่อและน้องชายของผู้ก่อเหตุได้ในกรุงตริโปลี เมืองหลวงของประเทศลิเบีย เพื่อมาสอบสวนเนื่องจากต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม IS ขณะที่ IS ได้ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หลังเกิดเหตุ อาเรียนา แกรนเด ได้ประกาศจัดงานคอนเสิร์ตการกุศลชื่อ "One Love Manchester" ณ สนามคริกเก็ตโอลด์แทรฟฟอร์ด เพื่อหารายได้ช่วยเหลือเหยื่อจากเหตุระเบิดที่แมนเชสเตอร์ อารีนา โดยมีศิลปินชื่อดังมาร่วมการแสดงคอนเสิร์ตมากมาย อาทิ จัสติน บีเบอร์, ฟาร์เรล วิลเลียมส์, เคที เพอร์รี, ไมลีย์ ไซรัส รวมทั้งวงโคลด์เพลย์ และเทคแดท

*18 สิงหาคม - คนร้ายขับรถแวนพุ่งใส่ฝูงชนใจกลางเมืองบาร์เซโลนา

ทางการสเปนเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุคนร้ายขับรถตู้พุ่งเข้าใส่ฝูงชนในย่านรามบลาส เดอ บาร์เซโลนา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของสเปน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 50 คน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อชายคนหนึ่งซึ่งคาดว่ามีจะอายุประมาณ 25 ปี ขับรถตู้สีขาวด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่ฝูงชนในย่านรามบลาสด้วยความพยายามที่จะทำร้ายผู้คนให้ได้มากที่สุด โดยวิธีการที่ผู้ก่อเหตุได้นำมาใช้นั้นคล้ายกันกับการโจมตีที่เคยเกิดขึ้นตามเมืองต่างๆ ในยุโรป เช่น ลอนดอน และ นีซ ซึ่งคนร้ายมุ่งก่อเหตุโจมตีบริเวณที่มีฝูงชนหนาแน่นและมีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก โดยผู้ก่อเหตุสามารถหลบหนีไปได้

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสเปนได้สังหารผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 4 รายในเมืองแคมบริลส์ ทางตอนใต้ของกรุงบาร์เซโลนา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 รายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้านกลุ่มรัฐอิสลามก็ได้ออกแถลงการณ์เผยแพร่ผ่านสำนักข่าวอามัคว่า ผู้ที่ก่อเหตุโจมตีกรุงบาร์เซโลนาคือทหารของกลุ่ม IS และเป็นไปตามคำบัญชาของผู้นำแห่งคอลิฟะห์ โดยพุ่งเป้าโจมตีกลุ่มประเทศพันธมิตรของสหรัฐ

*2 ตุลาคม - คนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่ฝูงชนในงานคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ลาสเวกัส

นับเป็นเรื่องช็อคส่งท้ายปี เมื่อนายสตีเฟน แพดดอค วัย 64 ปี จากเมืองเมสไคว์ท รัฐเนวาดาได้ก่อเหตุกราดยิงใส่ประชาชนที่กำลังร่วมชมการแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้ง ใกล้กับโรงแรมมัณฑะเลย์เบย์ ในเมืองลาสเวกัส ของสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 58 รายและบาดเจ็บอีกหลายร้อยราย

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มือปืนได้กราดยิงลงมาจากชั้น 32 ของโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ เข้าใส่ผู้เข้าร่วมชมงานคอนเสิร์ตดังกล่าว ซึ่งคาดว่า มีจำนวนมากกว่า 22,000 คน

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุกราดยิงในลาสเวกัสว่าเป็นการกระทำของความชั่วร้ายอย่างแท้จริง และได้เดินทางไปลาสเวกัสเพื่อพบปะกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลืออีกด้วย

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกระบุว่าเป็นการสังหารหมู่ครั้งรุนแรงที่สุดและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐ

ขึ้นชื่อว่าโศกนาฏกรรมแล้วย่อมหนีไม่พ้นความสูญเสีย และคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางการเมืองหรือศาสนา ซึ่งผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องตกเป็นเหยื่อ บาดแผลที่เกิดขึ้นกับจิตใจและร่างกายของพวกเขาคงยากจะลบเลือนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานแค่ไหน เราขอแสดงความเสียใจและส่งกำลังใจไปให้ผู้ได้รับผลกระทบและครอบครัวของพวกเขา และภาวนาให้ปีหน้าและปีต่อๆไปไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆเกิดขึ้นอีก


แท็ก In Focus:   ปีใหม่  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ