สถานการณ์ความขัดแย้งเหนือคาบสมุทรเกาหลีที่เรื้อรังมานานาตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน ดูเหมือนใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ภายหลังเกาหลีเหนือประกาศยุติการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางกระแสตอบรับอย่างดีจากนานาชาติ ที่ร่วมกันกดดันเกาหลีเหนือในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมา In Focus ในวันนี้จึงขอสรุปเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญตั้งแต่ช่วงต้นปี 2561 จนถึงปัจจุบัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางการเมืองของเกาหลีเหนือและประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสหรัฐและเกาหลีใต้
1 ม.ค. 2561 ท่าทีที่อ่อนลงของ"คิม จอง อึน"
นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ขึ้นกล่าวอวยพรปีใหม่ตามปกติเหมือนที่ผ่านมาทุกปี พร้อมขู่สหรัฐว่า โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้นจัดว่ามีความพร้อม เหลือเพียงแค่การ "กดปุ่มบนโต๊ะทำงานเพื่อออกคำสั่งโจมตีเท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม นายคิมได้แสดงท่าทีที่เอนอ่อนลงต่อเกาหลีใต้ โดยกล่าวว่า ตนนั้นก็ต้องการเห็นสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีเช่นกัน โดย "เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ต้องร่วมมือกันเพื่อบรรเทาความตึงเครียดในฐานะประชากรที่มีรากฐานเดียวกัน และร่วมกันสร้างความสงบสุขและเสถียรภาพ" พร้อมกันนี้ นายคิมยังยื่นข้อเสนอเรื่องการส่งตัวแทนร่วมประชุมกับเกาหลีใต้ เพื่อขอส่งนักกีฬาเกาหลีเหนือเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในวันที่ 9-25 ก.พ. ที่เมืองพย็องชาง ประเทศเกาหลีใต้ ท่าทีดังกล่าวได้สร้างความประหลาดใจให้หลายฝ่าย
ทั้งนี้ บางฝ่ายยังคงไม่ปักใจเชื่อว่า เกาหลีเหนือจะใช้การแข่งขันกีฬาในแดน "ศัตรู" เป็นเครื่องยืนยันถึงความจริงใจในการนำมาซึ่งสันติภาพเหนือคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากคงไม่ง่ายนักที่เกาหลีเหนือจะยอมหยุดพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ในทันที ประกอบกับในปี 2531 เกาหลีเหนือในขณะนั้นซึ่งอยู่ภายใต้การนำของนายคิม อิล ซุง เคยพยายามขัดขวางการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโซลของเกาหลีใต้มาครั้งหนึ่งแล้ว ด้วยการระเบิดเครื่องบินโดยสารที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้
3 ม.ค. 2561 เกาหลีเหนือต่อสายตรงเกาหลีใต้
กระทรวงรวมชาติแห่งเกาหลีใต้รายงานว่า เมื่อเวลา 15.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกาหลีเหนือได้โทรศัพท์ติดต่อเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2559 แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาการสนทนาในวันนั้น
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ก่อนหน้าที่เกาหลีเหนือจะโทรศัพท์ติดต่อมายังฝั่งเกาหลีใต้เพียงไม่กี่ชั่วโมง นายคิมได้สั่งให้มีการเปิดคู่สายระหว่างสองประเทศอีกครั้ง เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารขอส่งตัวแทนนักกีฬาเกาหลีเหนือเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ หลังจากที่คู่สายดังกล่าวถูกเกาหลีเหนือปิดการใช้งานมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี
ด้านนายยุน ยัง ช็อง เลขาธิการโฆษกรัฐบาลเกาหลีใต้ กล่าวว่า "การรื้อฟื้นการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ครั้งนี้มีความหมายมาก และหวังว่าเกาหลีเหนือจะติดต่อกลับมาอีกเรื่อยๆ"
9 ม.ค. 2561 ประชุมสองเกาหลีกรุยทางส่งนักกีฬาเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว
เจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ร่วมประชุมกันครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ในเขตปลอดทหารของหมู่บ้านปันมุนจอมบริเวณพรมแดนของทั้งสองประเทศ
รายงานการประชุมระบุว่า เกาหลีเหนือจะขอส่งตัวนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ และจะเดินทางไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ รวมถึงคณะเชียร์ลีดเดอร์และทีมการแสดงเพื่อร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังเห็นชอบที่จะจัดการประชุมด้านกองทัพ "เพื่อลดความตึงเครียดทางการทหารที่สั่งสมมาเป็นเวลานานหลายปี" อันเป็นผลมาจากโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐ
ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า "เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตัดสินใจที่จะร่วมกันสร้างบรรยากาศแห่งสันติภาพและความผ่อนคลายทางการทหารเหนือคาบสมุทรเกาหลี เพื่อนำมาซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวกันและความปรองดองของชาวเกาหลี"
17 ม.ค. 2561 สองเกาหลีเตรียมส่งนักกีฬาในนามทีมเดียวกัน
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้จัดการประชุมร่วมกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วย ซึ่งผ่านไปอย่างราบรื่นอีกครั้งหนึ่ง โดยทั้งสองประเทศเห็นชอบที่จะมีการส่งนักกีฬาร่วมลงแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งหญิงในนามทีมเดียวกัน และนักกีฬาจากทั้งสองชาติจะเดินในขบวนพาเหรดร่วมกันภายใต้ธงผืนเดียวกันในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
9 ก.พ. 2561 น้องสาว"คิม จอง อึน"เข้าร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว
คณะตัวแทนจากฝั่งเกาหลีเหนือได้เดินทางเยือนเกาหลีใต้ โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกาหลีเหนือส่งมา ได้แก่ นางคิม โย จอง ซึ่งเป็นน้องสาวของนายคิม จอง อึน ขณะที่ทางเกาหลีใต้เองได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และพิธีเปิดได้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและน่าประทับใจ โดยนักกีฬาของทั้งสองประเทศได้เดินขบวนร่วมกันภายใต้ "ธงสีขาวฟ้า" ที่มีสัญลักษณ์ดินแดนรวมของชาติเกาหลี
รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า ในระหว่างการพูดคุยที่ทำเนียบประธานาธิบดี นางคิม โย จอง ได้มอบจดหมายดังกล่าวให้แก่นายมูน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี
ด้านนายมูนกล่าวว่า ตนจะเดินทางเยือนเกาหลีเหนือ "หลังการเตรียมการที่จำเป็นเสร็จสิ้น" พร้อมร้องขอให้เกาหลีเหนือจัดการประชุมร่วมกับสหรัฐเพื่อนำมาซึ่งเสถียรภาพเหนือคาบสมุทรเกาหลี
23 ก.พ. 2561 สหรัฐคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออีก
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ โดยพุ่งเป้าไปที่บริษัทขนส่งทางเรือบริษัทเทรดดิ้ง และเรือบรรทุกสินค้าบางลำที่จดทะเบียนในเกาหลีเหนือ จีน และสิงคโปร์ เพื่อยกระดับการกดดันเกาหลีเหนือให้ล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ และตัดท่อน้ำเลี้ยงของโครงการดังกล่าว
ด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐกล่าวว่า "ท่านประธานาธิบดีได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า บริษัทแห่งใดในโลกก็ตามที่ช่วยเหลือโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ จะไม่มีโอกาสได้ทำธุรกิจกับสหรัฐ"
การคว่ำบาตรรอบใหม่นี้ เกิดขึ้นในระหว่างที่อิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวและที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ เดินทางเยือนเกาหลีใต้เพื่อเข้าร่วมพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
คณะผู้แทนพิเศษของนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้พบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นครั้งแรกที่นายคิมได้พบปะกับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้นับตั้งแต่เข้าสู่อำนาจในปี 2554
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ระบุว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนเม.ย. ซึ่งจะเป็นการพบปะกันเป็นครั้งแรกระหว่างนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่คณะผู้แทนพิเศษของเกาหลีใต้ เดินทางกลับจากการเยือนเกาหลีเหนือซึ่งพวกเขาได้เข้าพบนายคิม จอง อึน และมีการสนทนาหารือกันนานกว่า 4 ชั่วโมง
นายชุง อุย ยอง ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้นำของคณะผู้แทนพิเศษดังกล่าว กล่าวว่า เกาหลีเหนือยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาโครงการนิวเคลียร์ไว้ ตราบใดที่ไม่มีภัยคุกคามทางทหารต่อเกาหลีเหนือ และระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือยังคงมีความปลอดภัย
นายชุงยังกล่าวว่า เกาหลีเหนือพร้อมเปิดกว้างสำหรับการเจรจาและการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐ ขณะที่ทรัมป์เองเริ่มส่งสัญญาณตอบรับเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าตนมีความเชื่อมั่นว่าเกาหลีเหนือนั้นมีความจริงใจ แต่จะยอมเจรจากับเกาหลีเหนือก็ต่อเมื่อเกาหลีเหนือแสดงการกระทำที่จริงจังและเป็นรูปธรรม
8 มี.ค. 2561 ทรัมป์ พร้อมถก คิม จอง อึน
ทำเนียบขาวสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า ทรัมป์ตกลงที่จะเข้าพบนายคิมตามคำเชิญที่ถูกส่งผ่านนายชุง อุย ยอง ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นจริงแล้ว ก็จะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้งสองได้พบกัน หลังจากที่ห้ำหั่นกันด้วยคำพูดมานาน
ด้านนางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษทำเนียบขาว กล่าวว่า ทรัมป์ "ประทับใจในคำพูดของตัวแทนเกาหลีใต้ที่เข้าพบกับผู้นำเกาหลีเหนือ และตอบรับคำเชิญของนายคิม แต่สหรัฐเองจะยังคงไว้ซึ่งการกดดันเกาหลีเหนือขั้นสูงสุดต่อไป"
ด้านทรัมป์ได้ทวิตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า สถานการณ์ต่างๆมี "ความคืบหน้าอย่างมาก" แต่ะสหรัฐเองจะยังไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรใดๆจนกว่าเกาหลีเหนือจะล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์
25 มี.ค. 2561 "คิม จอง อึน" ดอดเยือนจีน
นายคิมเดินทางเยือนจีนด้วยรถไฟเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2554 และถือเป็นการเดินทางเยือนประเทศอื่นครั้งแรกในฐานะผู้นำเกาหลีเหนือด้วย ขณะที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้จัดพิธีต้อนรับนายคิมอย่างอบอุ่น
นายคิมกล่าวว่า การเดินทางเยือนจีนครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อแจ้งข่าวสารและความคืบหน้าของการเจรจาร่วมกับเกาหลีใต้ด้วยตนเอง แสดงให้เห็นถึงจุดยืนทางการเมืองของนายคิมที่เน้นด้านความสัมพันธ์ทางการทูตมากขึ้น ต่างจากในปี 2560 ที่นายคิมแสดงออกถึงท่าทีที่แข็งกร้าวและดุดัน
ในการนี้ นายคิมยังได้ส่งคำเชิญเยี่ยมเยือนเกาหลีเหนือไปยังผู้นำจีนด้วย ซึ่งจีนเองก็ตอบรับคำเชิญดังกล่าว
ด้านทรัมป์หลังทราบรายงานดังกล่าว ได้ทวิตข้อความโดยระบุว่า นายคิมกำลัง "ทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประชาชนของเขาและมวลมนุษยชาติ" พร้อมทิ้งท้ายว่าตนนั้น "ตั้งหน้าตั้งตาที่จะได้ประชุมร่วมกับนายคิม"
รายงานระบุว่า การประชุมระหว่างนายปอมเปโอและนายคิม เป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการพบปะกันโดยตรงระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กับนายคิม จอง อึน ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนพ.ค. หรือต้นเดือนมิ.ย. ทางด้านนางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษทำเนียบขาว ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว โดยได้กล่าวเพียงว่า "ทางคณะทำงานไม่ขอแสดงความเห็นใดๆเกี่ยวกับการเดินทางของผู้อำนวยการ CIA"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากที่ทรัมป์ได้เสนอชื่อนายปอมเปโอให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ แทนนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน นอกจากนี้ ยังมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ทรัมป์ประชุมวันแรกร่วมกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่รัฐฟลอริดา ซึ่งทรัมป์เองกล่าวว่า การพูดคุยระดับสูงระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
20 เม.ย. 2561 เกาหลีเหนือประกาศยกเลิกการพัฒนานิวเคลียร์
ในที่สุดเหตุการณ์ที่หลายฝ่ายรอคอยก็มาถึง เมื่อพรรคแรงงานของนายคิมประกาศยกเลิกการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. เป็นต้นไป ก่อนที่การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ร่วมกับเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า และการประชุมร่วมกับสหรัฐครั้งแรกในช่วงต้นเดือนมิ.ย.จะเริ่มขั้น
ในแถลงการณ์ระบุว่า "เกาหลีเหนือจะหยุดการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีปตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 2561 และจะรื้อสถานที่ที่ใช้ทดสอบอาวุธเพื่อรับประกันว่าจะไม่มีการกลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง"
ด้านทรัมป์หลังทราบข่าวได้ออกมาทวิตข้อความโดยระบุว่า "นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับทั้งโลก และเป็นความคืบหน้าครั้งยิ่งใหญ่"
ด้านโฆษกรัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวว่า "การกระทำครั้งนี้ของเกาหลีเหนือถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างบรรยากาศอันดีในการประชุมร่วมกันระหว่างสองเกาหลีที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้"
ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้แถลงว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลง หลังการเจรจาในระดับคณะทำงานเป็นครั้งที่ 3 ในวันนี้ ซึ่งใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ณ หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหารบริเวณชายแดนเกาหลี การประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในครั้งนี้ นับเป็นการประชุมระหว่างผู้นำสองเกาหลีเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี และนายคิม จอง อึน ก็จะเป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคนแรกที่เดินทางเยือนเกาหลีใต้
เป็นที่น่าจับตาว่า ผลการประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้จะเป็นอย่างไร และอนาคตของเกาหลีเหนือที่ไร้โครงการนิวเคลียร์จะเป็นอย่างไร และสหรัฐจะยังคงคว่ำบาตรเกาหลีเหนือต่อไปหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป