นางเทเรซา เมย์ ได้กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ หลังจากที่ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี นางเมย์จะยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะมีการสรรหาผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่
ขณะนี้มีผู้ที่เสนอตัวจะมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่จำนวน 10 คน ซึ่งบางคนอาจจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่บางคนก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก
In Focus สัปดาห์นี้ จะวิเคราะห์เจาะลึกว่าที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษทั้ง 10 คน พร้อมกับจุดยืนของแต่ละคนเกี่ยวกับนโยบายการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
*ไทม์ไลน์กระบวนการสรรหานายกฯคนใหม่ของอังกฤษ
อังกฤษกำลังเริ่มต้นกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อทดแทนนางเมย์ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นับเป็นวันสุดท้ายสำหรับการเสนอชื่อผู้ที่จะสมัครเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ ซึ่งจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษโดยอัตโนมัติ
สำหรับตารางเวลาในกระบวนการสรรหาผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมมีดังนี้:-
- 13 มิ.ย.
สมาชิกสภาสามัญชนสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมจำนวน 313 คนทำการลงคะแนนเสียงรอบแรก โดยผู้สมัครเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้รับเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 17 เสียงจะสามารถผ่านเข้าสู่การลงคะแนนเสียงในรอบที่ 2
หากผู้สมัครทุกรายมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 17 เสียง ผู้สมัครที่มีคะแนนเสียงน้อยที่สุดจะถูกคัดออก
- 18 มิ.ย.
สมาชิกสภาสามัญชนสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมทำการลงคะแนนเสียงรอบ 2 โดยผู้สมัครจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 33 เสียง จึงจะผ่านเข้าสู่การลงคะแนนเสียงในรอบต่อไป
หากผู้สมัครทุกรายมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 33 เสียง ผู้สมัครที่มีคะแนนเสียงน้อยที่สุดจะถูกคัดออก
- 19-20 มิ.ย.
สมาชิกสภาสามัญชนสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมทำการลงคะแนนเสียงรอบสุดท้าย โดยผู้สมัครที่มีคะแนนเสียงน้อยที่สุดจะถูกคัดออกในแต่ละรอบ จนเหลือผู้สมัคร 2 รายสุดท้ายที่จะเข้าสู่การลงคะแนนเสียงของสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศ
- 22 มิ.ย.
ผู้สมัคร 2 รายสุดท้ายแสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วประเทศ
- 22 ก.ค.
ผู้สมัคร 1 ใน 2 รายที่ได้รับคะแนนเสียงมากกว่าจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมจำนวน 160,000 คนทั่วประเทศ จะได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะ
ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดของผู้ที่เสนอตัวจะมาเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่จำนวน 10 คน พร้อมกับจุดยืนเกี่ยวกับนโยบาย Brexit
*บอริส จอห์นสัน
นายจอห์นสันถือเป็นตัวเก็งอันดับ 1 สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยราคาต่อรองในสำนักพนันที่ถูกกฎหมายในอังกฤษต่างบ่งชี้ว่า นายจอห์นสันจะเป็นผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่แทนนางเมย์
นายจอห์นสัน ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ได้เคยอยู่ร่วมคณะรัฐมนตรีกับนางเมย์ แต่ได้ลาออกในเวลาต่อมา เนื่องจากไม่พอใจต่อการดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ของนางเมย์
ก่อนหน้านี้ ในปี 2559 นายจอห์นสัน ซึ่งเป็นอดีตนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ได้เคยประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม แต่ก็ได้ตัดสินถอนตัวในเวลาต่อมา เนื่องจากนายไมเคิล โกฟ ซึ่งเป็นตัวเก็งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมอีกคนหนึ่ง ได้ยกเลิกการสนับสนุนนายจอห์นสัน เนื่องจากเขาต้องการลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเช่นกัน
นายจอห์นสันถือเป็นผู้รณรงค์คนสำคัญที่ให้อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) ในการลงประชามติในปี 2559
เมื่อไม่นานมานี้ นายจอห์นสันกล่าวว่า อังกฤษจะต้องแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.ไม่ว่าจะมีการทำข้อตกลงหรือไม่ก็ตาม
นอกจากนี้ นายจอห์นสันยังคัดค้านการจัดการลงประชามติครั้งใหม่เกี่ยวกับ Brexit เนื่องจากจะสร้างความแตกแยกในประเทศ
นายจอห์นสันได้กล่าวในที่ประชุมผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมว่า ชาวอังกฤษจะไม่มีวันให้อภัยพรรคอนุรักษ์นิยม หากอังกฤษไม่ได้แยกตัวจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค. และพรรคอนุรักษ์นิยมจะสูญพันธุ์ทางการเมือง
นายจอห์นสันได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
*ไมเคิล โกฟ
นายโกฟถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสูงที่สุดคนหนึ่งในการรณรงค์สนับสนุนการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ในการทำประชามติในปี 2559 ขณะนี้ นายโกฟเป็นรัฐมนตรีฝ่ายกิจการสิ่งแวดล้อม อาหาร และชนบทของอังกฤษ และเป็นผู้สนับสนุนนโยบาย Brexit ของนางเมย์
นายโกฟปฏิเสธการทำประชามติ Brexit เป็นครั้งที่ 2 และกล่าวว่า เขาจะทำข้อตกลงการค้าเสรีกับ EU ในรูปแบบของแคนาดา
นายโกฟตั้งเป้าหมายที่จะทำให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU ก่อนวันที่ 31 ต.ค. แม้จะไร้ข้อตกลงก็ตาม โดยเขาเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดความผันผวนในระยะสั้น แต่อังกฤษจะสามารถผ่านพ้นไปได้ และมั่งคั่งขึ้น
อย่างไรก็ดี นายโกฟกล่าวย้ำว่า เขาจะไม่เร่งรีบผลักดันการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU โดยไร้ข้อตกลง หากสามารถทำข้อตกลงได้
นายโกฟได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
*แอนเดรีย ลีดซัม
นางลีดซัมถือเป็นผู้รณรงค์สนับสนุนการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU อีกคนหนึ่ง
นางลีดซัมเคยสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมในปี 2559 เพื่อแทนนายเดวิด คาเมรอน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และสามารถเข้าสู่รอบสุดท้าย โดยมีคู่ชิงคือนางเทเรซา เมย์ แต่นางลีดซัมได้ประกาศถอนตัวในเวลาต่อมา หลังจากที่ถูกโจมตีอย่างหนักต่อคำพูดที่นางลีดซัมเคยกล่าวว่า การเป็นมารดาทำให้ตนมีส่วนเกี่ยวข้องต่ออนาคตของประเทศมากกว่า ซึ่งนักวิจารณ์มองว่าไม่ยุติธรรมต่อนางเมย์ ซึ่งไม่มีบุตร
นางลีดซัมได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำสภาสามัญชนของอังกฤษในเดือนที่แล้ว ท่ามกลางความไม่พอใจที่มีต่อนางเมย์ ต่อการดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit
นางลีดซัมระบุว่า ตนจะใช้ความพยายามในการโน้มน้าวให้ EU เสนอข้อตกลงที่อังกฤษสามารถปฏิบัติได้ แต่ก็ได้ยืนยันว่า อังกฤษจะต้องออกจาก EU ภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีข้อตกลง
นางลีดซัมจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวอร์วิค ก่อนที่จะทำงานเป็นเวลา 25 ปีในด้านการเงินและการธนาคาร.
*เจเรมี ฮันท์
นายฮันท์เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายจอห์นสันในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่ได้ทำหน้าที่รัฐมนตรีสาธารณสุขเป็นเวลา 6 ปี
นายฮันท์เคยเป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนให้อังกฤษยังคงรวมตัวกับ EU และแม้ในขณะนี้ เขาพอใจที่อังกฤษจะออกจาก EU โดยมีข้อตกลง แต่เขาก็เชื่อว่าการออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลง ก็ดีกว่าการที่ไม่ได้แยกตัวออกจาก EU
นายฮันท์ไม่ได้ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงต่อทางเลือกในการออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลง แต่เขากล่าวว่าจะพิจารณาทางเลือกดังกล่าวเป็นลำดับสุดท้าย
นายฮันท์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมีความเชี่ยวชาญในการพูดภาษาญี่ปุ่น
*โดมินิค ร้าบ
นายร้าบได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีฝ่ายกิจการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในปีที่แล้ว หลังจากที่อยู่ในตำแหน่งเพียง 5 เดือน โดยระบุว่า ข้อตกลง Brexit ของนางเมย์ไม่สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของพรรคอนุรักษ์นิยมที่ให้ไว้กับประชาชนในการเลือกตั้งปี 2560
นายร้าบเคยเป็นผู้รณรงค์สนับสนุนการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU และสนับสนุนให้มีการเจรจากับ EU เพื่อให้มีการทำข้อตกลงที่เป็นธรรมกับอังกฤษ รวมทั้งรื้อการเจรจาในประเด็นศุลกากร และชายแดนไอร์แลนด์เหนือ
นอกจากนี้ นายร้าบยังระบุว่าเขาจะไม่ชะลอการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU เกินกว่าเดือนต.ค. และพร้อมที่จะแยกตัวโดยไม่มีข้อตกลง ซึ่งเขาคาดว่า หากเกิดกรณีดังกล่าว จะทำให้อังกฤษสามารถประหยัดงบประมาณจำนวน 2.5 หมื่นล้านปอนด์ จากจำนวนที่ต้องจ่ายให้ EU ทั้งหมด 3.9 หมื่นล้านปอนด์เป็นค่าธรรมเนียมแยกตัวออกจาก EU ซึ่งรัฐบาลอังกฤษสามารถนำเงินจำนวน 2.5 หมื่นล้านปอนด์ไปสนับสนุนภาคธุรกิจในการรับมือกับ Brexit
นายร้าบเป็นลูกของชาวยิวอพยพ และเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
*รอรี สจ๊วต
นายสจ๊วตเป็นอดีตนักการทูตที่เคยเดินทางระยะทาง 6,000 ไมล์ในอิหร่าน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อินเดีย และเนปาล และขณะนี้เขาเป็นรัฐมนตรีฝ่ายพัฒนาระหว่างประเทศ
นายสจ๊วตได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาเป็นครั้งแรกในปี 2553 และเขามีจุดยืนในการสนับสนุนให้อังกฤษยังคงรวมตัวกับ EU
นอกจากนี้ นายสจ๊วตคัดค้านการแยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง และเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของนางเมย์ในการเจรจาข้อตกลงกับ EU ซึ่งถูกรัฐสภาอังกฤษปฏิเสธมา 3 ครั้ง แต่นายสจ๊วตกล่าวว่า เขาจะไม่เปลี่ยนแปลงข้อตกลงดังกล่าว และผู้ใดที่พูดว่าพวกเขาสามารถแก้ไขข้อตกลง Brexit ภายในเดือนต.ค.กำลังหลอกลวงตัวเอง และหลอกลวงประเทศ
นายสจ๊วตได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
*ซาจิด จาวิด
นายจาวิดเป็นอดีตนายธนาคาร และเป็นผู้สนับสนุนระบอบตลาดเสรี โดยเขาเคยรับตำแหน่งในรัฐมนตรีหลายกระทรวง
นายจาวิดสนับสนุนให้อังกฤษยังคงรวมตัวอยู่กับ EU แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยต่อต้าน EU ก็ตาม
นายจาวิดต้องการปรับปรุงข้อตกลง Brexit และหวังว่าจะผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา แต่เขาก็พร้อมที่จะให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลง หากข้อตกลง Brexit ไม่สามารถผ่านการรับรองจากรัฐสภา
นอกจากนี้ นายจาวิดยังคัดค้านการทำประชามติ Brexit ครั้งใหม่
นายจาวิดเป็นผู้อพยพจากปากีสถานรุ่นที่ 2 โดยมีบิดาเป็นคนขับรถบัส และเขาได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอ็กซ์เตอร์
*แมทท์ แฮนค็อก
นายแฮนค็อกเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข และเป็นอดีตนักวิเคราะห์ของธนาคารกลางอังกฤษ โดยเขามีจุดยืนสนับสนุนให้อังกฤษรวมตัวกับ EU
นายแฮนค็อกได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาเป็นครั้งแรกในปี 2553 และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวง
นายแฮนค็อกคัดค้านการแยกตัวจาก EU โดยไร้ข้อตกลง และเขาเปิดทางสำหรับการที่อังกฤษจะนำข้อตกลง Brexit ไปเจรจาครั้งใหม่กับ EU เพื่อให้สามารถผ่านการรับรองของรัฐสภา
นายแฮนค็อกระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมจำเป็นที่จะต้องดึงคะแนนเสียงทั้งจากกลุ่มที่สนับสนุน และคัดค้าน Brexit หลังจากที่ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองอื่น
นอกจากนี้ นายแฮนค็อกยังกล่าวว่า เขามีแผนที่จะทำการเจรจาครั้งใหม่กับ EU เกี่ยวความสัมพันธ์กับอังกฤษหลัง Brexit และจะหาทางแก้ไขข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU
นายแฮนค็อกระบุว่า "เราจำเป็นที่จะต้องออกจาก EU โดยมีข้อตกลงก่อนวันที่ 31 ต.ค. ซึ่งผมยังคงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้"
นายแฮนค็อกได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
*เอสเธอร์ แมควีย์
นางแมควีย์เป็นอดีตผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์ที่สนับสนุนการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU ต่อมานางแมควีย์ได้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีฝ่ายกิจการบำนาญ ก่อนที่จะลาออกในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เพื่อประท้วงการทำข้อตกลง Brexit ของนางเมย์
นางแมควีย์ยังสนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.แม้ไม่มีการทำข้อตกลง
นางแมควีย์ได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยควีนแมรีแห่งลอนดอน
*มาร์ค ฮาร์เปอร์
นายฮาร์เปอร์ได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาเป็นครั้งแรกในปี 2548 และได้ทำงานในหลายกระทรวงภายใต้อดีตนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน
นายฮาร์เปอร์ได้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีฝ่ายกิจการตรวจคนเข้าเมืองในปี 2557 หลังจากมีการพบว่า คนทำความสะอาตในบ้านของเขาไม่มีใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ
นายฮาร์เปอร์ได้ลงประชามติในปี 2559 สนับสนุนให้อังกฤษรวมตัวกับ EU แต่ขณะนี้เขากล่าวว่า เขาจะลงมติสนับสนุนการแยกตัวออกจาก EU
นายฮาร์เปอร์ยังระบุว่าเขาจะขยายเวลาการใช้มาตรา 50 เพื่อให้รัฐบาลอังกฤษมีเวลาเพียงพอในการบรรลุข้อตกลงแยกตัวจาก EU แม้ว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นภายในวันที่ 31 ต.ค.
"ผมต้องการให้อังกฤษแยกตัวโดยมีการทำข้อตกลง แต่ถ้าเราไม่สามารถทำให้รัฐสภาอนุมัติข้อตกลง เราก็จำเป็นต้องแยกตัวจาก EU โดยไม่มีข้อตกลง" นายฮาร์เปอร์กล่าว
นายฮาร์เปอร์ได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด