ปี 2563 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ ถือเป็นที่หนักหนาสาหัสสำหรับคนทั้งโลก มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ และภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ...ในขณะที่ศักราชใหม่กำลังใกล้เข้ามานั้น In Focus จะพาเราไปย้อนรอยรำลึกความหลังถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ซึ่งเป็นเสมือนฝันร้ายที่เกิดขึ้นในปีนี้
*ไวรัสมรณะโควิด-19 คร่าชีวิตประชาชนกว่าล้านคน
คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงมหันตภัยไวรัสโควิด-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก คาดกันว่าไวรัสดังกล่าวเริ่มแพร่ระบาดเป็นครั้งแรกที่ตลาดอาหารทะเลแห่งหนึ่งในนครอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบเพิ่มขึ้นจำนวนมากในเวลาเพียงไม่กี่วัน ต่อมาการแพร่ระบาดเริ่มส่งสัญญาณรุนแรงขึ้นเมื่อมีการพบผู้ป่วยนอกมณฑลหูเป่ยเพิ่มขึ้น และลุกลามไปทั่วทุกมณฑลของจีน ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบผู้ติดเชื้อรายแรกนอกแผ่นดินจีน ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ก่อนจะแพร่กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมเกือบทุกทวีปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในวันที่ 30 มกราคม 2563 ก่อนจะยกระดับสถานะการแพร่ระบาดเป็นภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลกในวันที่ 11 มีนาคม 2563 จนปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความรุนแรงลง โดยข้อมูลล่าสุดบนเว็บไซต์ Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก พบว่า ณ ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกแล้วทั้งสิ้น 73,803,320 ราย และเสียชีวิตไปแล้วถึง 1,641,440 ราย
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลทั่วโลกต้องออกมาตรการรับมือทางสาธารณสุข อาทิ การประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศหรือในเขตที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง การปิดพรมแดนของประเทศ การจำกัดการเดินทางของประชาชน การห้ามไม่ให้ประชาชนออกจากเคหะสถาน รวมทั้งการสั่งปิดโรงเรียน ร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆ เพื่อไม่ให้การระบาดลุกลามบานปลายออกไปมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการก่อตั้งพันธมิตรระดับนานาชาติ ระดมกำลังและทรัพยากรทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 มาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนทั่วโลกอย่างเร่งด่วน โดยอังกฤษเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 และได้มีการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับนางมาร์กาเร็ต คีแนน วัย 90 ปี เป็นบุคคลแรกของโลก ในวันที่ 8 ธันวาคม 2563
*แผ่นดินไหวเขย่าทะเลอีเจียน ถล่มอาคารบ้านเรือนในกรีซ-ตุรกีพังยับ
ในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 สำนักงานจัดการภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน (AFAD) ของตุรกี รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว 7.0 แมกนิจูดที่ทะเลอีเจียน นอกชายฝั่งจังหวัดอิซเมอร์ทางตะวันตกของตุรกี ที่ความลึก 16.54 กิโลเมตร โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะซาโมส ประเทศกรีซ เป็นระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งแรงสะเทือนที่รับรู้ได้ถึงในประเทศกรีซและตุรกี และทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กตามมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนในเมืองที่อยู่ตามแนวชายฝั่งของทั้งสองประเทศ โดยบางแห่งถึงกับมีอาคารพังถล่ม ส่งผลให้มีผู้คนติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพัง ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ทันทีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยบริการฉุกเฉินของทั้งสองประเทศได้รุดเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุทันทีเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่มีรายงานว่า นายคีเรียกอส มิตโซทากิส นายกรัฐมนตรีกรีซ และประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออโดกัน แห่งตุรกี ได้ต่อสายพูดคุยกันทางโทรศัพท์หลังเกิดแผ่นดินไหว เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนของทั้งสองประเทศเป็นการเร่งด่วน สำหรับเหตุการณ์นี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศกรีซจำนวน 2 รายและมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยมากกว่า 19 ราย ส่วนในประเทศตุรกีพบผู้เสียชีวิต 117 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 1,000 ราย
*ระเบิดท่าเรือเลบานอน กรุงเบรุตพังราบในพริบตา
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ได้เกิดเหตุระเบิดรุนแรงขึ้นที่บริเวณท่าเรือในกรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน และได้สร้างความเสียหายหนักเป็นวงกว้าง โดยหน่วยงานธรณีวิทยาของสหรัฐตรวจพบว่า การระเบิดทำให้เกิดแผ่นดินไหว 3.3 แมกนิจูด ส่งแรงสะเทือนออกไปไกลถึง 250 กม. สามารถรับรู้ได้ถึงประเทศตุรกี ซีเรีย อิสราเอล และบางส่วนของยุโรป นับเป็นการระเบิดที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ที่ทรงพลังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ซึ่งได้ทำลายอาคารบ้านเรือนมากกว่า 6,000 หลัง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 204 ราย บาดเจ็บกว่า 7,500 ราย และสูญหายอีกเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการระเบิดของสารแอมโมเนียมไนเตรตจำนวน 2,750 ตัน ซึ่งรัฐบาลเลบานอนยึดมาจากเรือ MV Rhosus แล้วนำมาเก็บไว้ในท่าเรือโดยไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมเป็นเวลานานถึง 6 ปี ทั้งที่เป็นวัตถุอันตรายและอยู่ใกล้เขตที่อยู่อาศัย ซึ่งได้สร้างความโกรธแค้นเป็นอย่างมากให้กับชาวเลบานอนที่กล่าวโทษรัฐบาลว่าเป็นต้นเหตุ จนเหตุการณ์ลุกลามบานปลายกลายเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ มีประชาชนหลายพันคนออกมารวมตัวกันตามท้องถนนในกรุงเบรุต พร้อมเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบการเมืองที่เด็ดขาด เพราะเชื่อว่าเหตุระเบิดครั้งนี้มีต้นตอมาจากการทุจริตคอร์รัปชัน และการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของรัฐบาล รวมทั้งความประมาทที่ไม่จัดเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรตปริมาณมหาศาลไว้ตามมาตรการความปลอดภัย จนคณะรัฐมนตรีพร้อมด้วย นายฮัสซัน ดิอับ นายกรัฐมนตรีของเลบานอน ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังเผชิญความกดดันทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
*"ออกัสต์ คอมเพล็กซ์" ไฟไหม้ป่าครั้งรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์
ปี 2563 นี้ดูเหมือนจะเป็นปีที่โชคไม่เข้าข้างสหรัฐ เพราะนอกจากจะต้องเจอกับการระบาดหนักของโควิด-19 จนครองแชมป์ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลกแล้ว สหรัฐยังเผชิญกับปัญหาไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ป่าใน 3 รัฐทางตะวันตกของประเทศซึ่งได้แก่ รัฐออริกอน รัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐวอชิงตัน โดยไฟได้เผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วหลายล้านเอเคอร์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และส่งผลให้เกิดมลภาวะทางอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพปกคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง
สำหรับสถานการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่สุดของสหรัฐในปีนี้ ถูกเรียกว่า "ออกัสต์ คอมเพล็กซ์" (August Complex Fire) ในเทศมณฑลเมนโดซิโน โดยเริ่มปะทุขึ้นจากการที่ไฟป่าจุดเล็กๆ ใกล้ๆ กันมารวมตัวกันแล้วแผ่ขยายวงกว้างออกไปมากขึ้นจนเผาทำลายพื้นที่ไปกว่า 10.89 ล้านไร่ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นไฟป่าครั้งรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
นี่เป็นเพียงเหตุการณ์บางส่วนซึ่งได้สร้างบาดแผลและความเจ็บปวดอันยากจะลืมเลือนที่เกิดขึ้นในปี 2563 เวลาผ่านไปไม่ทันไร เผลอนิดเดียวปฏิทินก็กำลังจะเปลี่ยนหน้าเข้าสู่ปี 2564 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า .. เราคงได้แต่ภาวนาว่าปีหน้าฟ้าใหม่ ฝันร้ายเหล่านี้จะผ่านพ้นไปโดยไม่หวนกลับมา