รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government หรือ NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของเมียนมาที่นำโดยสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ได้ประกาศวันดีเดย์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (7 ก.ย.) เพื่อเริ่มต้นทำสงครามกับรัฐบาลทหาร โดยเรียกร้องให้กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (The People's Defense Force หรือ PDF) และประชาชนทั่วไปหยิบอาวุธลุกขึ้นต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลทหารให้สละอำนาจที่ครอบครองมานานเกือบ 8 เดือนแล้วหลังจากก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
In Focus สัปดาห์นี้จะพาผู้อ่านไปติดตามสถานการณ์ของเมียนมาซึ่งเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทยว่าจะเป็นเช่นใดต่อไป หลังจาก NUG ประกาศเปิดศึกกับรัฐบาลทหารซึ่งพวกเขาเรียกว่าเป็นสงครามปกป้องประชาชน (People's Defensive War)
*ขึ้นชื่อว่าสงครามก็มีแต่เสียกับเสีย
สถานการณ์ในเมียนมาเข้าสู่ภาวะปั่นป่วนทันที หลังจาก NUG ประกาศทำสงครามกับรัฐบาลทหาร โดยประชาชนทั่วไปได้พากันออกมาแห่ซื้อของกินของใช้เพื่อกักตุนไว้หากเกิดสงครามกลางเมืองยืดเยื้อ และยังเข้าคิวกันยาวเหยียดเพื่อถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มและธนาคารต่างๆ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ชาวเมียนมาบางส่วนได้ตอบรับการประกาศสงครามของ NUG และได้พากันบุกทำลายเสาโทรศัพท์ 11 ต้นของบริษัทมายเทล (Mytel) ที่กองทัพเมียนมาเป็นเจ้าของและเป็น 1 ใน 4 เครือข่ายโทรศัพท์หลัก 4 แห่งของเมียนมา โดยการก่อเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองบูดาลินในเขตสะกายทางภาคกลางของเมียนมา
"เจตนาของพวกเราคือทำลายธุรกิจของกองทัพ ธุรกิจของกองทัพสนับสนุนให้พวกเขายังคงครองอำนาจอยู่ได้ พวกเราจึงต้องทำลาย" ชาวเมียนมารายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพี
หลายเดือนที่ผ่านมา กองกำลังแบบกองโจรเกิดขึ้นทั่วเมียนมาเพื่อต่อต้านทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของนางอองซาน ซู จีเมื่อวันที่ 1 ก.พ. และนับจากนั้นก็ได้ใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารดังกล่าวมาโดยตลอด
กองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ปฏิบัติการแบบเป็นอิสระในระดับท้องถิ่น โดยมีอาวุธและการฝึกฝนที่แตกต่างกันไป และบางกลุ่มยังได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อสู้กับกองทัพเมียนมามานานหลายสิบปีแล้วเพื่อสิทธิ์ในการปกครองตนเองด้วย
นายดูหว่า ละชี ละ รองประธานาธิบดีของรัฐบาล NUG ได้เรียกร้องให้กองกำลังเหล่านี้ทำการโจมตีทหารและสินทรัพย์ของกองทัพในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และขอให้ช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างระมัดระวัง รวมถึงรักษาพื้นที่ของตนไว้ไม่ให้ทหารเมียนมาเข้าควบคุมได้ พร้อมทั้งระบุว่าเป้าหมายที่จะต้องโจมตีโดยด่วนคือพลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร และสภาทหาร
นอกจากนี้ นายดูหว่า ละชี ละ ยังเรียกร้องทหาร ตำรวจ และข้าราชการของรัฐให้ลาออกจากตำแหน่งและเข้าร่วมการต่อสู้กับประชาชนด้วย
สื่อท้องถิ่นของเมียนมารายงานว่า การสู้รบต่อเนื่องปะทุขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างทหารกองทัพรัฐบาลเมียนมากับอาสาสมัครพลเรือนที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองมยินทาร์ เขตมะกเวทางภาคกลาง โดยฝ่ายพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบคน เนื่องจากทหารระดมยิงอย่างหนักด้วยปืนใหญ่
กองกำลัง PDF ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการสร้างความรุนแรงตามประกาศของรัฐบาลเงา UNG โดยสำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่าเกิดเหตุระเบิดในกรุงย่างกุ้งอย่างน้อย 3 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังการประกาศสงครามปกป้องประชาชน ซึ่งผลจากการปาระเบิดเข้าใส่รถทหารในย่างกุ้ง ส่งผลให้ทหาร 2 นายที่นั่งอยู่บนรถเสียชีวิตทันที
ด้านองค์กรช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร 1 ก.พ.จนถึงสิ้นเดือนส.ค. กองทัพเมียนมาสังหารพลเรือนไปแล้วไม่น้อยกว่า 1,026 คน ประกอบไปด้วยประชาชนทั่วไป เด็ก ผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหาร รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างกองทัพสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร
*นานาชาติไม่โอเค หลัง NUG ปลุกกระแสความรุนแรงทั่วเมียนมา
ประเทศอาเซียนและชาติตะวันตกได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล NUG ที่ประกาศสงครามป้องกันประชาชนกับรัฐบาลทหาร โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายละเว้นการใช้ความรุนแรง ขณะที่โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาได้เหน็บแนม NUG ว่ากระทำการดังกล่าวเพื่อเรียกร้องความสนใจก่อนสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly - UNGA) เปิดการประชุมในสัปดาห์นี้ (14 ก.ย.) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ ซึ่งจะมีการพิจารณาว่า ผู้แทนของรัฐบาลทหารหรือรัฐบาล NUG ควรจะเป็นตัวแทนของประเทศเมียนมา
"กลุ่มก่อการร้าย NUG ตระหนักว่า พวกเขาใกล้ประสบความล้มเหลว นั่นคือเหตุผลให้ต้องพยายามเรียกร้องความสนใจจากนานาชาติ" โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาระบุในแถลงการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเมียนมาจาก International Crisis Group ว่า การประกาศสงครามของ NUG ได้รับการสนับสนุนอย่างแรงกล้าจากโซเชียลมีเดียในเมียนมา แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่ากองกำลังของฝ่ายต่อต้านจะมีขีดความสามารถในการต่อสู้กับกองทัพที่มีจำนวนทหารและอาวุธพร้อมกว่าได้หรือไม่ และการประกาศสงครามของ NUG ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นนั้น อาจทำให้นานาประเทศลังเลที่จะสนับสนุน NUG ด้วย
กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียแถลงว่า ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนเมียนมาเป็นอันดับแรก และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะส่งถูกเข้าไปยังเมียนมาได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์มีความมั่นคงและปลอดภัยแล้วเท่านั้น
ไซฟุดดิน อับดุลลาห์ รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียระบุว่า อาเซียนผิดหวังกับฉันทามติ 5 ข้อที่ไม่สามารถดำเนินการกับเมียนมาได้โดยเร็ว แต่การเรียกร้องของ NUG ให้ประชาชนเมียนมาลุกฮือขึ้นปฏิวัติจะทำให้อาเซียนต้องกลับมานั่งวางแผนใหม่อีกครั้ง
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐทราบเรื่อง NUG ทำการประกาศสงครามแล้ว แต่สหรัฐไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรงเป็นทางออกในการแก้ไขวิกฤติของประเทศ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายพยายามรักษาสันติภาพเพื่อให้สามารถจัดส่งความช่วยเหลือและเวชภัณฑ์เข้าไปในประเทศได้ ขณะที่เมียนมาก็ยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ด้านรัฐบาลทหารเมียนมาได้ปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงตามที่อาเซียนเสนอก่อนหน้านี้ และการประกาศสงครามของประชาชนก็ยิ่งจะทำให้ความรุนแรงและความทุกข์ยากของชาวเมียนมาดำเนินต่อไปโดยที่ยังมองไม่เห็นว่าจะสิ้นสุดลงได้ในเร็ววันนี้
*สถานการณ์ป่วนในเมียนมาไม่วายกระทบไทย
เว็บไซต์อิรวดีของเมียนมารายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้รับคำสั่งให้จับกุมชาวเมียนมาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล NUG ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาที่ต่อต้านการทำรัฐประหารในเมียนมา หากพบว่าบุคคลเหล่านั้นหลบเข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย
เว็บไซต์อิรวดีเปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยจับกุมสมาชิกรัฐบาล NUG และตำรวจไทยยังได้รับคำสั่งให้เข้าตรวจค้นสถานที่ซึ่งคาดว่าจะมีสมาชิก NUG อาศัยอยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้สั่งให้ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วง ทำให้มีชาวเมียนมาที่ต่อต้านการทำรัฐประหารได้หลบหนีเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการจับกุมสมาชิก NUG ในประเทศไทยแต่อย่างใด แต่การที่ NUG ออกมาเรียกร้องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ชาวเมียนมาทั้งประเทศลุกขึ้นจับอาวุธต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลทหารนั้น ก็ได้ทำให้เกิดความกังวลว่า ทางการไทยอาจจะต้องดำเนินการกับสมาชิกของ NUG ในประเทศไทย รวมทั้งต้องเตรียมรับมือกับผู้อพยพหนีภัยบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา หากสงครามกลางเมืองทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย
ทั้งชาวเมียนมาเอง และพวกเราชาวไทยในฐานะเพื่อนบ้านคงจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า NUG จะสามารถโค่นล้มอำนาจของรัฐบาลทหารและกลับเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนได้อีกหรือไม่...ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่า บทสรุปของสงครามกลางเมืองที่อาจจะยืดเยื้อในเมียนมานั้นจะลงเอยอย่างไร และชาวเมียนมาจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขหรือไม่ในอนาคต ซึ่งก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะต้องรออีกนานเพียงใด