หลังจากกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษโปรดเกล้าฯ สถาปนานายริชี ซูนัค เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษในช่วงเย็นวันอังคารที่ 25 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ตลาดการเงินของอังกฤษก็ขานรับทันที โดยดัชนีตลาดหุ้น, เงินปอนด์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่างก็รีบาวด์กันถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์ของนายซูนัคซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีคลัง และอดีตนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ จะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา และเงินเฟ้อที่พุ่งสูงของอังกฤษในขณะนี้
ทันทีที่พิธีสถาปนานายกรัฐมนตรีคนใหม่สิ้นสุดลง นายซูนัคได้ออกมาพบปะกับผู้สื่อข่าวที่รออยู่ด้านนอกบ้านพักนายกรัฐมนตรี ด้วยภาพลักษณ์ที่สง่างามและสุภาพอ่อนน้อม โดยเขาประกาศความพร้อมที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ และผลกระทบของการที่รัสเซียทำสงครามในยูเครนซึ่งทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพในตลาดพลังงานและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
"ผมจะทำให้ประเด็นการรักษาเสถียรภาพและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเป็นวาระสำคัญในการทำงานของรัฐบาล ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลอาจต้องมีการตัดสินใจที่ยากลำบากตามมา แต่ผมจะปกป้องประชาชนและภาคธุรกิจเหมือนกับที่ผมได้ดำเนินการในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก" นายซูนัคกล่าว
ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ นายซูนัคยืนยันว่า เขาพร้อมที่จะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดจากนโยบายของนางลิซ ทรัสส์ อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เขายังคงให้เกียรตินางทรัสส์ต่อหน้าสื่อมวลชนด้วยการชื่นชมความพยายามของนางทรัสส์ โดยกล่าวว่า นางทรัสส์ไม่ผิดที่ต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจอังกฤษมีการขยายตัว และแม้ว่าจะมีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นในสมัยของนางทรัสส์ แต่นั่นไม่ได้เกิดจากเจตนาร้าย และตัวเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้
*เปิดประวัติ "ริชี ซูนัค" นายกรัฐมนตรีอังกฤษเชื้อสายอินเดียคนแรกในประวัติศาสตร์
นายซูนัค เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ปีพ.ศ. 2523 ที่เมืองเซาแฮมป์ตันของสหราชอาณาจักร เขามีเชื้อสายอินเดีย โดยปู่ย่าตายายเป็นชาวอินเดียจากแคว้นปัญจาบที่ย้ายไปทำงานที่เคนยาและแทนซาเนีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรในขณะนั้น จากนั้นได้อพยพมายังสหราชอาณาจักรในช่วงทศวรรษ 1960
ส่วนบิดาและมารดาของซูนัคเป็นชาวอินเดียที่เกิดในแอฟริกา โดยบิดาคือนายยาชวีร์ ซูนัค เป็นแพทย์ของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของอังกฤษ ส่วนนางอูชา ผู้เป็นมารดาเปิดร้านขายยา
นายซูนัคสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากวิทยาลัยลินคอล์น มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดในภาควิชาปรัชญา การเมือง และเศรษฐกิจ (PPE) ด้วยคะแนนเกียรตินิยม จากนั้นได้ทุนฟูลไบรต์ไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐ ในระหว่างที่ศึกษาระดับปริญญาโทนั้น นายซูนัคทำงานควบคู่ไปด้วย โดยเป็นนักวิเคราะห์ให้กับโกลด์แมน แซคส์ ช่วงปี 2544-2547 จากนั้นเมื่อจบการศึกษาปริญญาโท เขาได้ทำงานให้กับบริษัทจัดการกองทุนป้องกันความเสี่ยงอีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเธเลมี พาร์ทเนอร์ส (Theleme Partners) และคาทามารัน เวนเจอร์ส (Catamaran Ventures)
- เปิดเส้นทางเมือง "ริชี ซูนัค" นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 200 ปีของอังกฤษ
เส้นทางการเมืองของนายซูนัคเป็นเรื่องที่คนจำนวนมากให้ความสนใจ เนื่องจากเขาเพิ่งเข้าสู่วงการการเมืองได้เพียง 7 ปี ก็กลายเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในรัฐบาลอังกฤษได้อย่างน่าทึ่ง
นายซูนัคเริ่มเข้าสู่แวดวงการเมืองในปี 2558 โดยเขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเขตริชมอนด์ ซึ่งเป็นที่นั่งในสภาที่เป็นของพรรคอนุรักษ์นิยมมานานกว่า 100 ปี ด้วยคะแนนเสียง 36% ในระหว่างการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาฯ เขาเป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) และยังได้เขียนรายงานทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนแนวคิดเรื่อง Brexit ด้วย
ต่อมาในปี 2560 นายซูนัคยังคงได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเขตริชมอนด์ โดยได้รับเสียงโหวตจากประชาชนเพิ่มขึ้นเป็น 40.5% จากนั้นในปี 2561 เขาได้รับมอบหมายให้ตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และต่อมาในปี 2561 เขาก็ยังคงได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนในเขตริชมอนด์ โดยได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 47% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคะแนนนิยมในตัวเขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปีเดียวกันนี้ เขาได้รับการแต่งตั้งจากอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ให้ตำแหน่งเลขาธิการกระทรวงการคลัง
กระทั่งในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก นายซูนัคได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วยอายุเพียง 39 ปีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นรัฐมนตรีคลังที่อายุน้อยที่สุดของอังกฤษ
ทั้งนี้ ในระหว่างการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง นายซูนัคได้สร้างผลงานจนเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประคับประคองเศรษฐกิจอังกฤษในช่วงที่ต้องล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการริเริ่มโครงการความช่วยเหลือด้านการเงินในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งได้แก่โครงการ "Eat Out to Help Out" เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร ขณะที่ผลสำรวจในช่วงปี 2563-2564 ต่างก็บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า นายซูนัคได้รับคำชื่นชมและคะแนนนิยมจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมและประชาชนทั่วไป
ต่อมาในช่วงกลางปี 2565 นายซูนัคประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง หลังจากอังกฤษตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพด้านการเมือง และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในพรรคอนุรักษ์นิยม ประกอบกับการที่นายซูนัคเริ่มมีคะแนนนิยมลดน้อยลงอันเนื่องมาจากวิกฤตค่าครองชีพ และข่าวเสียหายเรื่องการเข้าร่วมงานปาร์ตี้ช่วงโควิด-19 และข่าวที่ว่าภรรยาของเขาเลี่ยงภาษี
ในเวลาต่อมา เมื่อนายบอริส จอห์นสัน ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายซูนัคได้ตัดสินใจลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคอนุรักษ์นิยมเพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ดี แม้ว่าเสียงจากประชาชนจะสนับสนุนนายซูนัคมากกว่า แต่ท้ายที่สุดนางลิซ ทรัสส์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคอนุรักษ์นิยมมากกว่า ทำให้นายซูนัคพลาดตำแหน่งในเวลานั้น
แต่โชคเข้าข้างเขาอีกครั้ง เมื่อนางทรัสส์ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 20 ต.ค. หลังเผชิญมรสุมทางการเมือง โดยนายซูนัคได้ใช้โอกาสนี้ประกาศลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แข่งขันกับนายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเพนนี มอร์ดอนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ แต่นายจอห์นสันและนางมอร์ดอนท์ประกาศถอนตัวจากการชิงตำแหน่งในเกือบจะนาทีสุดท้าย ส่งผลให้ประตูสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดต้อนรับนายซูนัคอย่างเหลือเชื่อ
- ชาวอินเดียเฮ! "ริชี ซูนัค" นั่งเก้าอี้นายกฯอังกฤษ จากอาณานิคมสู่ผู้นำเมืองผู้ดี
ทันทีที่พรรคอนุรักษ์นิยมประกาศให้นายริชี ซูนัค เป็นผู้คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษโดยอัตโนมัติในวันที่ 24 ต.ค. ชาวอินเดียได้ออกมาแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม และที่น่าปลื้มปีติยิ่งกว่าก็คือ การประกาศชัยชนะของนายซูนัคเป็นวันเดียวกับที่ชาวอินเดียทั้งประเทศกำลังเฉลิมฉลองเทศกาล Diwali Balipratipada หรือเทศกาลแห่งแสงสว่างของศาสนาฮินดู
นายราจีฟ โดกรา อดีตนักการทูตอินเดียกล่าวว่า การที่นายซูนัคก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษถือเป็นของขวัญในเทศกาล Diwali ที่ยิ่งใหญ่สำหรับอังกฤษ และเป็นเหตุผลสำหรับการเฉลิมฉลองในอินเดีย
นายอานูจ ฮาร์ นักเขียนหนังสือสนับสนุนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของอินเดียกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่บุคคลที่มีเชื้อสายอินเดียสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำของอังกฤษ
ขณะที่นายราจีฟ ซาร์เดไซ พิธีกรข่าวชื่อดังของอินเดียกล่าวว่า ชัยชนะของนายซูนัคเกิดขึ้นประจวบเหมาะกับการครบรอบ 75 ปีของการที่อินเดียได้รับอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ทางด้านนางปรีติ คานธี สมาชิกรัฐสภาอินเดียกล่าวว่า เธอมีความสุขอย่างมากจากการที่ชาวฮินดูคนหนึ่งที่ไม่ลืมรากเหง้าของตัวเองประสบความสำเร็จในวันนี้
- ชีวิตส่วนตัวของ "ริชี ซูนัค" คุณพ่อลูกสอง และส.ส.ที่ร่ำรวยที่สุดของอังกฤษ
นายซูนัคสมรสกับนางอัคชาตา มูรตี บุตรสาวของนายนารายณ์ มูรตี มหาเศรษฐีชาวอินเดียผู้ก่อตั้งบริษัทอินโฟซิส (Infosys) ซึ่งเป็นธุรกิจไอทียักษ์ใหญ่ ทั้งคู่พบรักกันที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อครั้งที่ซูนัคเรียนปริญญาโท และต่อมาได้เข้าพิธีสมรสในปี 2552 โดยมีบุตรสาวสองคนคือ กฤษณา และอนุชกา
นางซูนัคและนางอัคชาตาถือหุ้นอยู่ในบริษัทอินโฟซิสจำนวนหนึ่ง ทั้งคู่มีบ้านในกรุงลอนดอนและบ้านอีกหนึ่งที่เมืองซานตาโมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ ซึ่งทำให้พวกเขามีทรัพย์สินรวมกันกว่า 730 ล้านปอนด์ และทำให้นายซูนัคเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ร่ำรวยที่สุดในรัฐบาลอังกฤษ
อย่างไรก็ดี ความร่ำรวยของนายซูนัคก็เหมือนดาบสองคม เพราะทำให้เขาไม่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนชั้นรากหญ้ามากนัก นอกจากนี้ เขายังถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการหลบเลี่ยงภาษีของภรรยา หลังจากนางอัคชาตาเปิดเผยว่า ภูมิลำเนาของเธอไม่ใช่ในสหราชอาณาจักร ทำให้ไม่ต้องจ่ายภาษี ซึ่งส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของซูนัคพอสมควร แต่ต่อมานางอัคชาตากลับลำด้วยการประกาศว่า เธอได้เปลี่ยนสถานะ และจ่ายภาษีให้สหราชอาณาจักรแล้ว
ในด้านความศรัทธาต่อศาสนา นายซูนัคนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และเป็นศาสนิกชนที่มีศรัทธาแน่วแน่ โดยเขาเคยประกอบพิธีและกล่าวสาบานตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษตามข้อความในคัมภีร์ศาสนาฮินดูที่ชื่อว่า ภควัทคีตา
*เส้นทางผู้นำของ "ริชี ซูนัค" ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตของนายซูนัคจะโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบแห่งความเพียบพร้อม ทั้งในด้านฐานะ การศึกษา และครอบครัว แต่เส้นทางการเป็นผู้นำประเทศของนายซูนัคอาจจะเต็มไปด้วยก้อนกรวดแห่งความท้าทาย เนื่องจากนายซูนัคก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังย่ำแย่ ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ วิกฤตค่าครองชีพ โดยเฉพาะเมื่อประชาชนมีภาพจำว่า นายซูนัคมีฐานะร่ำรวยมาก แต่กลับออกมาเรียกร้องให้ประชาชนลดการบริโภคและการใช้จ่าย
ปัญหาที่ท้าทายความสามารถของนายซูนัคคือการควบคุมเงินเฟ้อ โดยขณะนี้อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะที่เศรษฐกิจอังกฤษก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เปราะบางก็กำลังรอคอยนายซูนัคอยู่ข้างหน้า นับตั้งแต่รัสเซียส่งกองกำลังทหารรุกรานยูเครน ซึ่งทำให้อังกฤษต้องโดดร่วมวงกับชาติพันธมิตรในการต่อต้านรัสเซียและอุ้มยูเครน จึงทำให้อังกฤษกลายเป็นมหาศัตรูของรัสเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้