จีนกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายประการ ทั้งปัญหาหนี้สูง ภาคอสังหาริมทรัพย์อ่อนแอ และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับสหรัฐ ตลอดจนแรงกดดันด้านเงินฝืดและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้ธนาคารโลกคาดการณ์ในรายงานความคืบหน้าทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกประจำเดือนเม.ย. 2567 ว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้จะขยายตัวที่ 4.5% ลดลงจากการขยายตัว 5.2% ในปี 2566 และต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนวางไว้ที่ประมาณ 5%
จีนเองตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้เช่นกันจึงพยายามหาวิธีการต่าง ๆ ออกมาสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ โดยนอกเหนือจากการส่งเสริมในภาคอุตสาหกรรมที่จีนให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งตลอดปีนี้แล้ว การท่องเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จีนให้ความสำคัญเช่นกัน
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงจีน หยุดชะงักไปในช่วงโรคโควิด-19 ระบาดเมื่อช่วงหลายปีก่อน และเมื่อโรคระบาดใหญ่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว จีนก็เป็นหนึ่งในประเทศต่าง ๆ มากมายที่พยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซามานาน
หนึ่งในวิธีการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจีนก็คือการออกนโยบายฟรีวีซ่าให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั้งการออกฟรีวีซ่าฝ่ายเดียวและการออกฟรีวีซ่าแบบร่วมมือกันในระดับทวิภาคี ดังเช่นที่ทำกับไทยเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ จีนยังวางแผนอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศอีกด้วย
*จีนประกาศฟรีวีซ่ากระตุ้นการท่องเที่ยว
นับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 จีนได้เดินหน้าประกาศฟรีวีซ่าให้กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะยุโรป เพื่อดึงดูดนักเดินทางต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศ โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาจีนได้ประกาศฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศในยุโรป เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ออสเตรีย และฮังการี ซึ่งจะทำให้ประชาชนในประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางเข้าประเทศจีนโดยไม่ต้องใช้วีซ่านาน 15 วัน โดยมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 14 มี.ค.-30 พ.ย.ปีนี้
ส่วนไทย-จีนได้ลงนามความตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกันไปเมื่อต้นปีนี้และเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจากทั้งสองประเทศสามารถไปมาหาสู่กันได้นานสูงสุด 30 วันโดยไม่ต้องขอวีซ่า
ขณะที่ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญในการสร้างเครือข่ายช่องทางเร่งด่วน (Fast-Track) สำหรับการเดินทางข้ามพรมแดนและเร่งพลิกฟื้นเที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศ
ไฉซินรายงานว่ายอดนักเดินทางจากต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นหลังจากจีนได้พยายามดึงดูดนักเดินทางต่างชาติด้วยการผ่อนคลายกฎระเบียบด้านวีซ่าและปรับปรุงความสะดวกสบายด้านการเดินทาง โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ยอดจองทริปเยือนจีนจากต่างชาติบนทริปดอตคอม (Trip.com) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการเดินทางออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของจีน พุ่งขึ้นถึง 188% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ ยอดจองทริปเพิ่มขึ้น 146% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ส่วนถงเฉิง ผู้ให้บริการเดินทางออนไลน์อีกรายของจีนระบุว่า ธุรกิจการให้บริการโรงแรมของทางบริษัทรับรองแขกต่างชาติเพิ่มขึ้น 136% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ เทียบกับปีก่อนหน้า
*อัดฉีดเงินอุดหนุนกระตุ้นการท่องเที่ยว
ภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณเชิงบวก ส่งผลให้จีนพยายามทุ่มการลงทุนในภาคดังกล่าว โดยธนาคารเพื่อการอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของจีน (Industrial & Commercial Bank of China Ltd ? ICBC) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของจีน เตรียมเสนอเม็ดเงิน 3 แสนล้านหยวน (4.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวของจีนท่ามกลางการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอในประเทศ
กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนระบุว่า ICBC ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับทางกระทรวงฯ เมื่อวันอังคาร (2 เม.ย.) เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว โดย ICBC และทางกระทรวงฯ จะทำงานร่วมกันในโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ตัวแทนด้านการท่องเที่ยวบางแห่งในเมืองต่าง ๆ ของเอเชีย เช่น กรุงโซลของเกาหลีใต้ กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น และไทยก็ได้ลงนามลักษณะดังกล่าวกับสาขาต่าง ๆ ของ ICBC ด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ยอดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนพุ่งขึ้น 93.3% ในปีที่ผ่านมา เทียบกับปี 2565 โดยการใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวดังกล่าวแตะ 4.91 ล้านล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 140.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 และการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 7.7%
*ยกระดับความสะดวกสบายด้านการท่องเที่ยว
จีนประกาศดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักเดินทางจากต่างชาติ โดยนายสือ เจ๋ออี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 29 มี.ค.ว่า จีนจะขจัดอุปสรรคและแก้ไขปัญหาในด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว รวมถึงสร้างภาวะแวดล้อมการชำระเงินที่มีความครอบคลุมและหลากหลาย
นายสือระบุว่า จีนจะปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการด้านการชำระเงินตามแหล่งท่องเที่ยว การแสดงทางวัฒนธรรม และโรงแรม ขณะเดียวกันจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการการท่องเที่ยวเพิ่มเติม
ขณะที่นายอู๋ เค่อเฟิง เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนระบุว่า จะมีการให้บริการการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามรีสอร์ตท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวระดับชาติ และแหล่งนันทนาการที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนตั้งธนาคารสาขาย่อยในพื้นที่เหล่านี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว
ในด้านตั๋วต่าง ๆ นายอู๋กล่าวว่า ทางการจะรับประกันเรื่องเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วด้านการท่องเที่ยวเพื่อรองรับคนสูงอายุและนักเดินทางต่างชาติที่นิยมชำระเงินด้วยเงินสดมากกว่าการชำระเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง
ขณะเดียวกัน นายอู๋กล่าวว่าจะมีการปรับปรุงบริการจองตั๋วออนไลน์ด้วย ซึ่งอาจจะเพิ่มภาษาอังกฤษในระบบบริการออนไลน์และยอมรับหนังสือเดินทางต่างชาติ, บัตรประจำตัวผู้พำนักถาวรของชาวต่างชาติและใบอนุญาตการเดินทางเยือนจีนแผ่นดินใหญ่สำหรับผู้พำนักในฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน เพื่อยืนยันตัวตนตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ
นอกจากนี้ จีนยังเน้นย้ำพันธสัญญาในการส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีในภาควัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อปรับปรุงภาคการท่องเที่ยวของประเทศให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่
*ยอดการท่องเที่ยวกระเตื้อง แต่การใช้จ่ายยังน้อย
แม้จีนส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่จนทำให้ยอดการท่องเที่ยวโดยรวมกระเตื้องขึ้น แต่นักท่องเที่ยวจีนเลือกจับจ่ายใช้สอยอย่างประหยัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ซึ่งตอกย้ำถึงปัญหาที่จีนกำลังเผชิญในช่วงที่พยายามพลิกฟื้นความเชื่อมั่นและแก้ปัญหาเงินฝืด
นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ โฮลดิงส์และโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ปประเมินว่า รายได้การท่องเที่ยวต่อหัวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน 8 วันในปีนี้ของจีนทรุดตัวลง 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562
ตัวเลขดังกล่าวอ่อนแอ แม้ตัวเลขอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ยอดการเดินทางภายในประเทศในช่วงเวลาเดียวกันปรับตัวขึ้น 19% และยอดขายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเกือบ 8%
*ฝากความหวังยอดท่องเที่ยวช่วงเทศกาลเชงเม้ง
ยอดการเดินทางในจีนมีแนวโน้มพุ่งสูงในช่วงเทศกาลเชงเม้งซึ่งตรงกับวันที่ 4-6 เม.ย. โดยมีทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศที่เข้าร่วมทัวร์ชมดอกไม้บานช่วงฤดูใบไม้ผลิและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีนคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณการเดินทางขาเข้าและขาออกผ่านท่าด่านผ่านแดนทั่วประเทศจีนในช่วงเทศกาลเชงเม้งประมาณ 1.78 ล้านครั้งต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 74.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี
สำหรับจุดเดินทางขาเข้าสำคัญ เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งและท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ ผู่ตง ตลอดจนท่าด่านทางบกในฮ่องกงและมาเก๊า มีแนวโน้มจะได้เห็นนักเดินทางขาเข้าและขาออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก
กิจกรรมและงานเกี่ยวกับดอกไม้ทั่วประเทศจีนได้ดึงดูดให้ผู้คนวางแผนออกเดินทางในช่วงเทศกาลเชงเม้ง โดยทริปดอตคอมเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มี.ค.ว่า ยอดจองทริปชมดอกไม้ในช่วงเทศกาลเชงเม้งปีนี้พุ่งขึ้นกว่า 6 เท่าตัว เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทริปดอตคอมระบุว่า ยอดจองทริปท่องเที่ยวจากต่างประเทศในช่วงเชงเม้งเพิ่มขึ้น 153% โดยเมืองต่าง ๆ เช่น ซีอาน แชงกรีลา และจางจยาเจี้ย มียอดจองทริปท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษ
นายเจียง อีอี รองหัวหน้าภาควิชาการศึกษาด้านกีฬาเพื่อนันทนาการและการท่องเที่ยวประจำมหาวิทยาลัยกีฬาปักกิ่งระบุว่า การที่จีนใช้นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวต่าง ๆ เมื่อไม่นานมานี้ ตั้งแต่การยกเว้นวีซ่าไปจนถึงการผ่อนคลายการชำระเงินผ่านทางออนไลน์และบัตรได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างสูง
สรุปได้ว่า นอกเหนือไปจากการมีแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามแล้ว การออกมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางก็นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงดูดการเดินทาง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนต่อไป ในขณะที่การมุ่งเน้นไปที่นักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงก็เป็นอีกเรื่องที่จีนให้ความสนใจเช่นกัน