นับตั้งแต่ศึกดีเบตนัดแรกเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ สมาชิกพรรคเดโมแครตที่ทรงอิทธิพลในสภาคองเกรสหลายรายได้ออกมาเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัว โดยสมาชิกที่ออกมาเรียกร้องมีทั้งผู้นำคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่สมาชิกพรรคที่อาวุโสในสภาก็ต้องการตัวแทนพรรคคนใหม่ที่จะลงชิงชัย โดยจนถึงปัจจุบัน มีสมาชิกผู้แทนฯ สังกัดพรรคเดโมแครตทั้งหมด 9 รายแล้วที่เรียกร้องให้ปธน.ไบเดนถอนตัว
แม้แต่กลุ่มมหาเศรษฐีที่เคยสนับสนุนไบเดนและต่อต้านทรัมป์ก็ออกมาผลักดันให้ไบเดนถอนตัวเช่นกัน โดยล่าสุด เจมส์ คาร์วิล นักยุทธศาสตร์ด้านการเมืองของเดโมแครตได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อในทำนองว่า ไบเดนคงจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องและถอนตัวจากการลงศึกชิงตำแหน่งปธน.ในที่สุด
"ทุกคนก็รู้กันดีว่า เกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาเราก็เห็นกันแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอาหรือญาติของเรา ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของกาลเวลาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด" เจมส์ คาร์วิลกล่าว
หากจะพูดถึงเสียงของประชาชนชาวอเมริกันแล้ว โพลล์ของซีเอ็นเอ็นชี้ว่า ผู้ชมดีเบตนัดแรกถึง 67% รู้สึกว่า ทรัมป์ทำศึกดีเบตได้ดีกว่า ในขณะที่โพลล์ของรอยเตอร์/อิปซอสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ชี้ว่า หนึ่งในสามของผู้มีสิทธิลงคะแนนของพรรคเดโมแครตคิดว่า ไบเดนควรจะถอนตัวจากการชิงชัย และผู้ตอบรับการสำรวจ 59% ในพรรคเดโมแครตมองว่า ไบเดนอายุมากเกินไปที่จะทำงานในรัฐบาลแล้ว แต่ผลโพลล์ก็ชี้ด้วยว่า ไม่มีแคนดิเดตรายใดจากพรรคเดโมแครตที่จะต่อกรกับทรัมป์ได้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สุขภาพและอายุเป็นประเด็นที่สื่อต่างประเทศเกาะติด แม้ว่าทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า ไบเดนได้พบกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคพาร์กินสัน โดยเอ็นบีซี นิวส์ออกมายืนยันเมื่อวันจันทร์ (8 ก.ค.) ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคพาร์กินสันเดินทางไปยังทำเนียบขาวหลายครั้งในปีที่ผ่านมา รวมถึงการประชุมกับแพทย์ส่วนตัวของไบเดนเมื่อเดือนม.ค.
ดร.เควิน แคนนาร์ด นักประสาทวิทยาที่เชี่ยวชาญด้านโรคพาร์กินสันเดินทางไปยังทำเนียบขาวอย่างน้อย 8 ครั้งในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการยืนยันจากบันทึกการเดินทางเข้าไปยังทำเนียบขาวที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะจนถึงเดือนมี.ค. โดยก่อนหน้านี้สำนักข่าวหลายแห่งก็รายงานถึงการเดินทางไปยังทำเนียบขาวของนายแพทย์คนดังกล่าว
ทางด้านนายแอนดรูว์ เบตส์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวถึงรายงานเกี่ยวกับการเดินทางไปยังทำเนียบขาวของดร.แคนนาร์ดว่า ปธน.ไบเดนได้รับการตรวจสอบทางการแพทย์แล้วและไม่พบสัญญาณของโรคพาร์กินสัน รวมทั้งไม่ได้รับการรักษาโรคดังกล่าวแต่อย่างใด
*ว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตหากไบเดนถอนตัว
คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นหนึ่งในตัวเลือกของพรรคที่จะทำหน้าที่แทนไบเดนในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้ รวมถึงสมาชิกที่มีชื่อเสียงในคณะรัฐมนตรีและผู้ว่าการรัฐชื่อดังในสังกัดพรรคเดโมแครต เช่น นายเกวิน นิวซัม จากรัฐแคลิฟอร์เนีย, นางเกรทเชน วิทเมอร์ จากรัฐมิชิแกน และนายจอช ชาปิโร จากรัฐเพนซิลเวเนีย แต่แฮร์ริสดูจะเป็นตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้มากกว่าคนอื่น ๆ
หากแฮร์ริสได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เธอก็จะได้สิทธิ์ในการใช้เงินที่ระดมทุนได้โดยทีมหาเสียงของไบเดน และรับช่วงในการดูแลโครงการรณรงค์หาเสียงต่อไป แต่แม้ว่าแฮร์ริสจะมีชื่ออยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะสามารถออกตัวได้ในตอนนี้ ซึ่งสวนทางกับทีมงานของเธอที่พร้อมจะออกมาทำแคมเปญ
ฝั่งพรรครีพับลิกันเองก็มองเห็นโอกาสที่แฮร์ริสอาจจะขึ้นมาชิงตำแหน่งแทนที่ไบเดน โดยวุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ เกรแฮม จากรัฐเซาท์แคโรไลนาเตือนว่า รีพับลิกันต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่แตกต่างออกไป หากแฮร์ริสกลายเป็นตัวแทนของเดโมแครต โดยเฉพาะชื่อเสียงของเธอในรัฐแคลิฟอร์เนีย
อย่างไรก็ดี แคนดิเดตอย่างแฮร์ริสนั้นก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่า เธอจะมีโอกาสชนะทรัมป์ แต่แน่นอนว่า ถ้าเทียบกับไบเดนแล้ว โพลล์ของซีเอ็นเอ็นชี้ว่า เธอมีโอกาสที่จะได้ชัยชนะมากกว่าทรัมป์ และคะแนนนิยมของเธอก็ตามหลังรีพับลิกันอยู่แค่ 2 จุด ส่วนไบเดนมีคะแนนตามหลังทรัมป์อยู่ถึง 6 จุด นอกจากนี้ เธอยังมีแนวโน้มที่จะได้คะแนนดีกว่าไบเดนในกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงอิสระและผู้หญิง
*จับตาการประชุมพรรคเดโมแครตเดือนส.ค.นี้
หากจำลองสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถอนตัวของไบเดน การประชุมเพื่อเสนอชื่อตัวแทนของพรรคเดโมแครตในเดือนส.ค.นี้ ก็จะปั่นป่วนไม่น้อย คอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทม์สอย่าง อดัม นากูร์นีย์ และเจนนิเฟอร์ เมดินา ชี้ว่า ไบเดนมีสิทธิที่จะถอนตัวจากการชิงตำแหน่ง และปล่อยให้ผู้แทนที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนเขาถึง 3,894 คนจาก 3,937 คนจนถึงขณะนี้ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมาจากการสำรวจโดย The Associated Press นั้น มีอิสระที่จะลงคะแนนเสียงให้กับใครก็ได้ที่ต้องการ นั่นจะนำไปสู่การประชุมแบบเปิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในระบบการเมืองสมัยใหม่ของชาวอเมริกัน
การประชุมเพื่อสรุปฟันธงแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการของพรรคเดโมแครตจะจัดขึ้นในวันที่ 19-22 ส.ค.นี้ ขณะที่ทางพรรคได้อนุมัติเรื่องการจัดประชุมออนไลน์ก่อนวันที่ 7 ส.ค. เพื่อหารือเรื่องกฎหมายที่จำเป็นต้องใช้กับแคนดิเดตทั้งหมดที่จะต้องได้รับการรับรองทางกฎหมาย
ตัวแทนพรรคเกือบ 4,000 รายจะลงคะแนนโหวตในการประชุมครั้งนี้ โดยแคนดิเดตที่ถูกเสนอชื่อและได้คะแนนเสียงสูงสุด จะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งสถานการณ์ก่อนที่การประชุมพรรคเดโมแครตจะเปิดฉากขึ้นนั้นเรียกได้ว่าดุเดือด เพราะจนถึงตอนนี้หนึ่งในประเด็นข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศเกาะติดและรายงานกันทุกวันก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไบเดนและสุขภาพของผู้สูงวัย เมื่อเป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วคู่แข่งของทรัมป์และตัวเลือกของชาวอเมริกันจะเป็นใคร เราคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด