นับเป็นข่าวใหญ่ในวงการสมาร์ตโฟนไฮเอนด์เมื่อแอปเปิ้ล (Apple) ผู้ผลิตสมาร์ตโฟน iPhone จากสหรัฐฯ ร่วงจากตำแหน่งผู้นำ 5 อันดับแรกในตลาดสมาร์ตโฟนของจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีด้วยยอดจัดส่งในจีนที่ลดลง 3.1% ในไตรมาส 2/2567 ขณะที่แบรนด์คู่แข่งอย่างหัวเว่ย (Huawei) กลายเป็นผู้นำในกลุ่มสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ โดยมียอดจัดส่งเพิ่มขึ้น 11% ในช่วงเวลาเดียวกัน พร้อมส่งสารท้ารบถึงแอปเปิ้ลอย่างโจ่งแจ้งด้วยการประกาศว่าจะเปิดตัว Huawei Mate XT สมาร์ตโฟนรุ่นพับได้ 3 ทบในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดตัว IPhone 16
In Focus สัปดาห์นี้จึงขอพาผู้อ่านย้อนรอยกลับไปติดตามการแข่งขันระหว่างหัวเว่ยกับแอปเปิ้ลที่เกิดขึ้นในช่วงปีนี้
*เปิดศักราชด้วยข่าวดี
การเริ่มต้นปีในตลาดจีนของแอปเปิ้ลจัดว่ายอดเยี่ยมเนื่องจากในวันที่ 25 ม.ค. 2567 iPhone ของแอปเปิ้ลครองตำแหน่งสมาร์ตโฟนที่ขายดีที่สุดในจีนเป็นครั้งแรกในปี 2566 ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเมื่อพิจารณาจากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดจีน และมาตรการของจีนในการตอบโต้การคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ
ข้อมูลจากอินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น (IDC) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลกระบุว่า iPhone มียอดจัดส่งเป็นอันดับ 1 ในไตรมาสที่ 4/2566 และตลอดทั้งปี 2566 ซึ่งสวนทางกับนักวิเคราะห์หลายคนที่มองว่า ยอดขาย iPhone จะลดลงในไตรมาสที่ 4/2566 เนื่องจากกระแสความสนใจใน iPhone 15 ค่อนข้างซบเซา
อาร์เธอร์ เกา นักวิเคราะห์จาก IDC ระบุว่า "ความสำเร็จของแอปเปิ้ลเกิดจากการออกโปรโมชันส่งเสริมการขายในร้านค้าปลีกต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แอปเปิ้ลสโตร์ ซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค"
ขณะเดียวกัน หัวเว่ยก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กันในปี 2566 จากการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60 Pro ที่ใช้ชิป 7 นาโนเมตรและรองรับเทคโนโลยี 5G รุ่นแรกของหัวเว่ยเอง ที่ได้รับการยกย่องจากสื่อของรัฐบาลจีนว่าเป็นชัยชนะเหนือการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ นับตั้งแต่สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำทางการค้ากับหัวเว่ยจากข้อกล่าวหาว่าบริษัทมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพจีน แม้หัวเว่ยยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด
*จุดพลิกผัน
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งผู้นำของแอปเปิ้ลเริ่มสั่นคลอนจากความนิยมของหัวเว่ยที่ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่จีนสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ iPhone และสมาร์ตโฟนจากต่างชาติในการทำงาน การคุมเข้มแอปสโตร์ และกระแสนิยมในโทรศัพท์มือถือแบบพับได้ในจีนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขาย iPhone ของแอปเปิ้ลในจีนลดลง 24% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วง 6 สัปดาห์แรกของปี 2567 และทำให้แอปเปิ้ลร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 4 ในตลาดจีน สวนทางกับคู่แข่งหลักอย่างหัวเว่ยที่ลุยตลาดสมาร์ตโฟนแบบพับได้จนดันยอดขายปรับตัวขึ้น 64% ในช่วงเวลาเดียวกัน และทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 2 ของตลาด
เหมิงเหมิง จาง นักวิเคราะห์อาวุโสของเคาน์เตอร์พอยต์ กล่าวว่า แอปเปิ้ลเผชิญการแข่งขันรุนแรงในตลาดระดับไฮเอนด์จากหัวเว่ยที่ฟื้นตัวขึ้น ขณะเดียวกันก็ถูกบีบจากตรงกลางด้วยการตั้งราคาที่ดุเดือดจากออปโป้ (Oppo) วีโว่ (Vivo) และเสียวหมี่ (Xiaomi) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนชั้นนำจากจีน
*แอปเปิ้ลลดราคากู้ยอดขาย
ข้อมูลของคานาลิส ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ตลาดเทคโนโลยีชั้นนำของโลกจากสิงคโปร์ชี้ว่า ยอดส่งมอบ iPhone ในจีนลดลง 25% ในไตรมาส 1/2567 สู่ระดับประมาณ 10 ล้านเครื่อง ทำให้แอปเปิ้ลร่วงลงสู่อันดับที่ 5 ในตลาดสมาร์ตโฟนไฮเอนด์จีน ขณะที่หัวเว่ยส่งมอบสมาร์ตโฟนในจีนจำนวน 11.7 ล้านเครื่อง ซึ่งพุ่งขึ้น 70% และกลับมารั้งอันดับ 1 ในตลาดจีนอีกครั้ง
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้แอปเปิ้ลอนุญาตให้ผู้แทนจำหน่ายในประเทศจีนเสนอส่วนลดราคา IPhone เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ โดยหวังจะชิงส่วนแบ่งตลาดคืนมา ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะได้ผล เมื่อยอดขายพุ่งขึ้นประมาณ 12% ในเดือนมี.ค 2567 และพุ่งขึ้น 52% ในเดือนเม.ย. 2567
*สารท้ารบจากหัวเว่ย
แต่แอปเปิ้ลก็ใจชื้นได้เพียงไม่นาน เมื่อหัวเว่ยเปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ Pura 70 ในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า อาจมีชิปขั้นสูงที่ผลิตในจีน คล้ายกับเทคโนโลยีที่ใช้ในรุ่น Mate 60 โดยสมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวสามารถสร้างปรากฏการณ์ขายหมดสต๊อกในร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยหลังจากที่เริ่มจำหน่ายภายในนาทีเดียว
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังปรับกลยุทธ์ด้านค้าปลีกและเปิดแฟลกชิปสโตร์ในจีนเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งในช่วงเดือนธ.ค. 2566 - ก.พ. 2567 ซึ่งร้านบางแห่งตั้งอยู่ใกล้กับร้านของแอปเปิ้ล แสดงให้เห็นถึงการท้าทายคู่แข่งยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ รวมถึงความแน่วแน่ในการจะแซงหน้าแอปเปิ้ลกลับขึ้นไปเป็นเจ้าตลาดสมาร์ตโฟนจีนอีกครั้ง
และล่าสุด หัวเว่ยได้ท้ารบซึ่งหน้าด้วยการประกาศเปิดตัว Huawei Mate XT แบบพับได้ 3 ทบ ซึ่งซุ่มพัฒนามานานถึง 5 ปี ในวันที่ 10 ก.ย. 2567 ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดตัว IPhone 16 โดยหัวเว่ยเปิดให้พรีออเดอร์เมื่อวันที่ 7 ก.ย. และสามารถกวาดยอดไปได้มากกว่า 3.5 ล้านเครื่อง ณ เวลาเที่ยงวันของวันที่ 10 ก.ย.
*เปรียบเทียบจุดขาย
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ว่า iPhone 16 Pro Max ของแอปเปิ้ลจะมีราคาเริ่มต้น 1,199 ดอลลาร์ ส่วน iPhone 16 ในราคา 799 ดอลลาร์ โดย iPhone 16 และ iPhone 16 Plus มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ ดำ ขาว ชมพู เขียวอมฟ้า น้ำเงินอัลตร้ามารีน ส่วน iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ไทเทเนียมดำ ไทเทเนียมขาว ไทเทเนียมธรรมชาติ ไทเทเนียมทะเลทราย ซึ่งทั้งหมดล้วนมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI ในชื่อ Apple Intelligence ที่ช่วยยกระดับสมรรถนะของ Siri และช่วยสร้างอีโมจิตามต้องการ ซึ่งพร้อมให้อัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีเดือนหน้า ตลอดจนปุ่มควบคุมกล้องที่ปรับแต่งได้
ด้าน Mate XT ของหัวเว่ยเองก็มีฟีเจอร์ AI เช่นเดียวกัน อาทิ การแปลข้อความ และการสร้างคอนเทนต์บนคลาวด์ มาพร้อมสีให้เลือก 2 สี ราคาตั้งแต่ 2,809-3,371 ดอลลาร์ เมื่อกางออกตัวเครื่องจะมีความหนา 3.6 มิลลิเมตร ขนาดหน้าจอ 10.2 นิ้ว และสามารถใช้งานกับคีย์บอร์ดแบบพับได้
ในปีนี้ ดูเหมือนว่าแอปเปิ้ลจะเสียเปรียบในตลาดจีนอยู่พอสมควรจากกระแสความนิยมสมาร์ตโฟนแบบพับได้ที่กำลังมาแรง เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า การแข่งขันนี้จะเป็นไปในทิศทางใด แอปเปิ้ลจะแก้เกมในครั้งนี้อย่างไร จะเบียดกลับขึ้นมาได้ หรือจะปล่อยให้หัวเว่ยทิ้งห่างออกไปอีก