สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนดำเนินมายาวนานกว่า 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2565 และดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่สงบลงง่าย ๆ โดยรัสเซียยังคงรุกคืบยึดเมืองต่าง ๆ ของยูเครน ขณะที่ยูเครนก็ตอบโต้ด้วยการยึดดินแดนบางส่วนของรัสเซียเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยูเครนได้เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกอื่น ๆ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ชาติตะวันตกจัดหาให้ เพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งรัสเซียได้ออกมาขู่ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ แม้ว่าจะถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธธรรมดาก็ตาม
ในขณะที่ความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์ยิ่งน่าวิตกกังวลกว่าเดิมเมื่อมีรายงานว่า เกาหลีเหนือ ซึ่งชาติตะวันตกกล่าวหามาตลอดว่าจัดส่งขีปนาวุธและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้รัสเซีย ได้ส่งกำลังพลเพื่อช่วยเหลือรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน
*เกาหลีใต้ตีข่าว รัสเซียปฏิเสธ
ข่าวเกาหลีเหนือส่งทหารร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารรัสเซียได้รับการเปิดเผยโดยคิม ยงฮยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ในระหว่างแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 8 ต.ค. โดยเขาระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เกาหลีเหนือส่งทหารช่วยรัสเซียสู้รบในยูเครน เนื่องจากทั้งสองประเทศมีสนธิสัญญาร่วมกันที่คล้ายกับพันธมิตรทางทหาร นอกจากนี้ เขายังระบุว่าข่าวการเสียชีวิตของทหารเกาหลีเหนือหลายนายในพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองใกล้กับแคว้นโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน อาจมีความเป็นไปได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันถัดมา สำนักข่าวทาสส์ (TASS) ของรัสเซียรายงานโดยอ้างคำกล่าวของดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งระบุว่า ข่าวดังกล่าว "ดูเหมือนจะเป็นข่าวปลอมอีกชิ้นหนึ่ง"
*เซเลนสกียืนยัน เกาหลีเหนือช่วยรัสเซียรบจริง
แม้ว่ารัสเซียจะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว แต่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ยืนยันเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งกำลังพลไปช่วยกองกำลังรัสเซียที่สู้รบอยู่ในยูเครน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพันธมิตรรัสเซีย-เกาหลีเหนือมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยพัฒนาไปไกลกว่าการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมกับเรียกร้องให้บรรดาพันธมิตรของยูเครนให้ความช่วยเหลือมากกว่านี้ นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองว่า รัสเซียวางแผนที่จะให้เกาหลีเหนือมีส่วนร่วมโดยตรงในสงครามเต็มรูปแบบกับยูเครนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารของยูเครนคนหนึ่งเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ (The Washington Post) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารราบของเกาหลีเหนือ "หลายพันนาย" กำลังเข้ารับการฝึกในรัสเซีย และอาจถูกส่งไปประจำการแนวหน้าในยูเครนภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ นักการทูตตะวันตกคนหนึ่งได้เปิดเผยกับสื่อออนไลน์ในยูเครนอย่าง เคียฟ อินดีเพนเดนต์ (Kyiv Independent) เมื่อวานนี้ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหารราว 10,000 นายไปยังรัสเซีย แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นทหารประเภทใด
*ทำไมเกาหลีเหนือต้องส่งทหารไปช่วยรัสเซีย
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เกาหลีเหนือและรัสเซียได้ลงนามในสนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน ซึ่งกำหนดให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกรณีที่มีการรุกรานเกิดขึ้นกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนจึงเชื่อว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อาจขอความช่วยเหลือด้านกำลังพลจากเกาหลีเหนือ เพื่อที่รัสเซียจะได้ไม่ต้องระดมกำลังพลสำรองเพิ่มเติม และสามารถตรึงกำลังในแนวรบสำคัญ ๆ ได้
เมื่อวานนี้ นักข่าวได้ตั้งคำถามว่า ภายใต้สนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน หมายความว่ารัสเซียอาจถูกดึงเข้ามาสนับสนุนเกาหลีเหนือในความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี หรือเกาหลีเหนืออาจช่วยเหลือรัสเซียในความขัดแย้งกับโลกตะวันตกใช่หรือไม่ ซึ่งดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ตอบว่า ข้อความในสนธิสัญญานั้นค่อนข้างชัดเจนและไม่จำเป็นต้องมีการชี้แจงใด ๆ โดยบ่งบอกถึง "ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริงในทุก ๆ ด้าน รวมถึงด้านความมั่นคง"
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลีใต้ระบุว่า มีความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปยังรัสเซียเพื่อช่วยกำกับดูแลการใช้งานและการบำรุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกาหลีเหนือส่งให้รัสเซีย นอกจากนี้ เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบในยูเครนเพราะอาจต้องการให้ทหารสั่งสมประสบการณ์การสู้รบจริงและเรียนรู้การใช้อาวุธที่หลากหลาย
*บทบาทของทหารเกาหลีเหนือ
นายพลชาร์ลส์ ฟลินน์ ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กล่าวว่า ทหารเกาหลีเหนือที่ร่วมรบกับรัสเซียอาจมีบทบาทในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธของเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เกาหลีเหนือสามารถปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ ขีดความสามารถ และกำลังพล ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ แหล่งข่าวทางทหารของยูเครนคนหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบีบีซี (BBC) ว่า รัสเซียกำลังจัดตั้งหน่วยทหารที่ประกอบด้วยทหารเกาหลีเหนือประมาณ 3,000 นาย ในเมืองอูลาน-อูเด ใกล้ชายแดนรัสเซียที่ติดกับมองโกเลีย โดยเตรียมส่งไปประจำการในแคว้นคุสค์ เพื่อป้องกันการรุกคืบของยูเครน ขณะเดียวกัน อันดรี โควาเลนโก หัวหน้าหน่วยต่อต้านข้อมูลบิดเบือนของยูเครน ระบุว่า มีความเป็นไปได้ว่าในภายหลังทหารเกาหลีเหนืออาจถูกส่งไปประจำการตามพื้นที่ต่าง ๆ ของยูเครนที่ถูกรัสเซียเข้ายึดครอง
จำนวนทหารเกาหลีเหนือที่มีการรายงานในขณะนี้คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรได้มากนัก ทว่านี่อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น โดยกองทัพเกาหลีเหนือมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกในแง่ของกำลังพล ซึ่งประกอบด้วยกำลังพลประจำการ 1,280,000 นาย และกำลังพลสำรอง 600,000 นาย ดังนั้น หากเกาหลีเหนือส่งทหารไปร่วมรบมากขึ้นในอนาคต สมรภูมิรบรัสเซีย-ยูเครนก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญได้