นางสาวชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อ ขาย SET50 Index Futures วันนี้ปรับตัวลงต่อเนื่อง จากปัจจัยภายนอกที่เข้ามาส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันของผลประชุมธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) วานนี้ส่งสัญญาณเชิงแข็งกร้าวต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่ได้มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ยังได้ส่งสัญญาณขึ้น ดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และอีก 3 ครั้งในปีหน้า ทำให้สร้างความกังวลว่า Fund Flow จะไหลออกจากภูมิภาครวมถึงในไทยด้วย หลังจากทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯเป็นขาขึ้นด้วยมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ แรงขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติยังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันต่อตลาดในช่วงนี้ ขณะที่ตลาดฯ ยังจับตาการประชุม ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ว่าจะส่งสัญญาณการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่ ซึ่งตลาดมองว่าอาจจะยังไม่ มีการส่งสัญญาณที่แข็งกร้าว เพราะตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนยังไม่มีสัญญาณที่จะปรับตัวขึ้นชัดเจน และยังมีปัญหาในอิตาลียังเป็น ประเด็นที่ยังต้องติดตาม แต่หาก ECB ส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวออกมาก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะเข้ามากดดันการลงทุนเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ยังเป็นอีกปัจจัยที่รบกวนตลาดในอนาคต โดยต้องจับตา การเปิดเผยรายการสินค้าที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในวันพรุ่งนี้ ว่าจะมีผลบังคับใช้เมื่อใด
อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีฯปรับตัวลงมาทดสอบเส้น 200 วันก่อนจะดีดตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ยังมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงได้ อีกในวันพรุ่งนี้ แต่ก็อาจจะมีจังหวะที่จะรีบาวด์กลับได้ด้วยภาพทางเทคนิคที่เครื่องมือหลายตัวเป็นสัญญาณ Oversold โดยนอกจากจับ ตาปัจจัยภายนอกเรื่องของผลประชุม ECB และการเปิดเผยรายการสินค้าที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนแล้ว ยังต้องติดตาม ปัจจัยในประเทศที่วันพรุ่งนี้ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะเปิด ให้ผู้สนใจยื่นประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ (MHz)
ประเด็นสำคัญคือการจับตาว่าบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) จะเข้าร่วมประมูลหรือไม่ หลังจากที่ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) ประกาศไม่เข้าร่วมประมูลแล้ว ซึ่งก็อาจจะทำให้หุ้น กลุ่มเทคโนโลยีกลับมาคึกคักจากประเด็นนี้ได้อีกรอบ
ทั้งนี้ แนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดวันพรุ่งนี้ ยังมีทิศทางเป็นทางลบ แต่อาจรีบาวด์ได้บ้าง โดยมองว่าการปรับขึ้นน่า จะมีแนวต้านอยู่บริเวณ 1,125 และ 1,130 จุด ซึ่งยังเป็นโอกาสที่จะเปิดสถานะ short ขณะที่มีแนวรับอยู่ที่ 1,102 และ 1,108 จุด
สำหรับทิศทางราคาทองคำรีบาวด์กลับขึ้นมาที่ระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งได้แรงหนุนจากสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง หุ้นที่ปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอีกรอบ ขณะที่ยังต้องจับตาการประเด็นสงครามการค้าของ สหรัฐฯและการประชุม ECB ซึ่งหาก ECB มีสัญญาณการลดมาตรการ QE ก็จะทำให้ยูโรแข็งค่า และกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งจะ ช่วยหนุนราคาทองคำ โดยมองแนวต้านที่บริเวณ 1,310-1,315 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวรับที่ 1,295-1,290 เหรียญสหรัฐ/ ออนซ์
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,121.70 จุด ลดลง 6.85 จุด, -0.61%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 432,929 3,485,302 Total Futures 421,861 3,419,785 SET50 Index 197,122 334,294 Sector Index - - Single Stock 197,183 3,015,593 Precious Metal 23,001 51,107 - GF10 22,471 47,738 - GF50 530 3,369 Deferred Precious Metal 824 994 - GOLD-D 824 994 Currency 3,474 17,693 Interest Rate - - Agriculture 257 104 Total Options 11,068 65,517 Call 6,012 40,082 Put 5,056 25,435 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures -5,101 +26,571 -21,470 Options -968 +264 +704