นางสาวชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index Futures วันนี้ ปรับตัวขึ้นต่อจากวานนี้ แต่อยู่ในกรอบจำกัด แม้ตลาดจะมีความคาดหวังจากการหารือการค้ารอบใหม่ระหว่าง สหรัฐฯและจีนในช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีแนวทางแก้ไขปัญหา หรือจะมีข้อสรุปที่มีความประนี ประนอมมากขึ้นหรือไม่ ขณะที่สหรัฐฯจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ทำให้ภาพรวมของ ตลาดในภูมิภาคและไทย ยังเป็นลักษณะการปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เพราะยังไม่มั่นใจว่าผลสรุปออกมาจะเป็นอย่างไร
ส่วนปัญหาวิกฤตค่าเงินตุรกีนั้น ตลาดได้ตอบรับในระดับหนึ่งแล้วทำให้ตลาดคลายความกังวลบ้าง แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้อง ติดตามต่อไป เพราะยังไม่มีแนวทางหรือข้อสรุปที่เป็นรูปธรรมออกมา และวิกฤตดังกล่าวจะลุกลามไปยังประเทศอื่นที่มีภาพเศรษฐกิจ หรือโครงสร้างทางการเงินใกล้เคียงกับตุรกีหรือไม่ รวมถึงยังต้องติดตามเรื่องเงินไหลออกจาก Emerging Market ว่าจะมีความ ต่อเนื่องในสัปดาห์หน้าหรือไม่
อย่างไรก็ตามตลาดยังคงมีปัจจัยภายในประเทศที่เป็นบวกเข้ามาในสัปดาห์หน้า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะแถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/61 ในวันที่ 20 ส. ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัวราว 4% ต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 4.8% ทำให้ภาพรวมครึ่งแรกปีนี้ยังเติบโตได้อย่างสด ใส แต่ก็เป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้ไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งยังต้องติดตามดูว่าตัวเลขจีดีพีที่ออกมาจะดีกว่าคาดหรือไม่ หากไม่ดีกว่าคาดหรือทรงตัว ก็อาจจะทำให้ตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงบวกมากนัก ขณะที่ยังต้องติดตามการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ของ โบรกเกอร์ต่างๆ ภายหลังสิ้นสุดการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/61 ออกมาแล้ว
ทั้งนี้ ทำให้คาดว่าการเคลื่อนไหวของ S50U18 ในสัปดาห์หน้าจะยังมีโอกาสขยับขึ้นได้ในกรอบจำกัด โดยมีแนวรับ 1,105 และ 1,100 และแนวต้านที่ 1,116 จุด โดยให้จับตาแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ในสัปดาห์นี้มีออกมาทั้งในตลาดอนุพันธ์ และตลาดหุ้นไทย แม้จะยังคงมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยเข้ามาก็ตาม โดยมองว่าหากสถานการณ์ภายนอกประเทศไม่ได้ดู คลี่คลาย หรือเป็นบวกกว่าปัจจุบันนักลงทุนก็อาจจะเปิดสถานะ short เพื่อทำกำไรได้ก่อน
ส่วนราคาทองคำ แม้จะสามารถรีบาวด์กลับมาได้บ้าง แต่ยังคงมีแนวต้านระดับ 1,180-1,185 เหรียญ/ออนซ์ และภาพ ทางเทคนิคยังเป็นแนวโน้มทางลงชัดเจน โดยความน่าสนใจการลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลดลงไป สะท้อนได้จากกองทุน SPDR ที่ขายทองคำออกต่อเนื่อง โดยมียอดขายสะสมในเดือนส.ค.นี้ 27 ตัน ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่ยังมีกรอบการแข็งค่าก็จะ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันต่อราคาทองคำ หลังจากที่ความกังวลต่อสถานการณ์ตุรกีและสงครามการค้า ทำให้มีแรงผลักดันให้เม็ดเงินไหล ออกไปยังสกุลเงินที่มีความปลอดภัยอย่างสกุลเยน หรือดอลลาร์ โดยมองว่าราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับลงระดับต่ำสุดรอบ 20 เดือน ที่ 1,160 เหรียญ/ออนซ์อีกครั้ง และหากหลุดลงไปก็จะไหลลงไปที่ระดับ 1,140 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ทำให้ภาพรวมของทองคำยัง เป็นลักษณะแกว่งตัวอิงทางลง
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,116.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, +0.50%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 292,444 2,560,346 Total Futures 289,797 2,514,993 SET50 Index 127,725 320,046 Sector Index - - Single Stock 138,812 2,084,666 Precious Metal 18,659 79,626 - GF10 17,899 74,136 - GF50 760 5,490 Deferred Precious Metal 154 1,246 - GOLD-D 154 1,246 Currency 4,209 29,174 Interest Rate - - Agriculture 238 235 Total Options 2,647 45,353 Call 1,020 23,487 Put 1,627 21,866 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures +4,896 -7,696 +2,800 Options -60 +21 +39