นางสาวชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index Futures วันนี้ปรับตัวลง โดยระหว่างวันหลุดระดับ 1,080 จุดลงมา ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดหลักที่ได้รับแรงกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่ม แบงก์ หลังจากที่ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยเป้าหมายทางการเงินในปี 63 โดยสินเชื่อมีแนวโน้มชะลอตัว และการเติบโตของ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ที่ติดลบ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนต่อแนวโน้มการเติบโตของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่
ประกอบกับ ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ในเชิงบวกเข้ามา ทำให้ภาพของความเปราะบางอยู่แล้วในช่วงนี้ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติม ฉุดให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์อื่นเข้ามากดดันหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงแรงในวันนี้ สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่ยังมีทิศทางไม่สดใส
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายนอก อาจจะมีความคาดหวังเชิงบวกต่อกรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่คาดว่าจะมีการเลื่อนออกไปจากเดิมในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่ก็ยังต้องรอดูความชัดเจนของการหารือระหว่างอังกฤษและสหภาพ ยุโรป (EU) ที่ยังไม่มีความคืบหน้าในขณะนี้ด้วย ขณะที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวกลับได้บ้าง แต่หุ้นกลุ่มพลังงานตอบรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยมี เพียงหุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่บวกเล็กน้อย และแรงซื้อยังเข้าไปในหุ้นกลุ่มไฟฟ้าที่มีความโดดเด่นในช่วงนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหลัก ทำให้ยังมีความกดดันต่อภาพรวมการลงทุน แม้จะมีแรงเก็ง กำไรในหุ้นรายตัว และหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในส่วนของท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็คาด ว่าจะเป็นการตอบรับเพียงช่วงสั้นเท่านั้นเพราะหุ้นทั้งสองกลุ่มก็มีแรงเก็งกำไรไประดับหนึ่งแล้ว
สำหรับแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่า S50Z19 จะแกว่งตัวในกรอบขึ้น ๆ ลง ๆ มีแนวรับที่ 1,075 และ 1,070 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,085 และ 1,090 จุด แนะให้เทรดดิ้งในกรอบ หากปรับขึ้นแล้วไม่ผ่าน 1,090 จุด ให้รอเปิดสถานะ Short แต่หาก ไม่หลุด 1,070 จุด ก็เป็นจังหวะที่จะเปิดสถานะ long เพื่อรอความหวังเชิงบวกจากกรณีของ Brexit ส่วนการประชุมธนาคารกลาง ยุโรป (ECB) ในเย็นวันนี้ ไม่น่าจะมีผลต่อตลาดมากนัก เพราะส่วนใหญ่ตลาดรับรู้ถึงการออกมาตรการเพื่อหนุนเศรษฐกิจก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำช่วงนี้ ยังอยู่ในช่วงพักตัว แต่การปรับตัวลงมายังสามารถยืนระดับ 1,480 เหรียญสหรัฐ/ ออนซ์ได้ ก็มีจังหวะที่จะฟื้นตัวกลับจากควาคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนนี้ จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ
ประกอบกับ ไม่มีประเด็นลบต่อทองคำเพิ่มเติม โดยยังรอติดตามความคืบหน้ากรณี Brexit และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของ สหรัฐในคืนนี้ อย่างจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ,ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน ต.ค., ยอดขาย บ้านใหม่เดือนก.ย. ซึ่งทั้งตัวเลข PMI ภาคการผลิตและยอดขายบ้านใหม่ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัว ก็จะเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ โดย มองแนวต้านที่ 1,495-1,500 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวรับที่ 1,485-1,480 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,083.43 จุด ลดลง 5.92 จุด, -0.54%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 454,216 3,730,323 Total Futures 450,252 3,677,060 SET50 Index 158,503 352,260 Sector Index - - Single Stock 271,886 3,219,888 Precious Metal 18,311 78,342 - GF10 6,548 32,738 - GF50 149 2,085 - Gold Online 11,614 43,519 Deferred Precious Metal 110 116 - GOLD-D 110 116 Currency 1,330 26,394 Interest Rate - - Agriculture 112 60 Total Options 3,964 53,263 Call 1,860 26,140 Put 2,104 27,123 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures -91,206 -20,650 +111,856 Options +37 -21 -16