นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index Futures วันนี้ตลาดแกว่งตัวในกรอบ และไม่มีระดับต่ำสุดใหม่จากก่อนหน้าปรับตัวลงที่ 818 จุดเป็นระดับต่ำสุดในสัปดาห์ที่แล้ว และ 817 จุดเป็นระดับต่ำสุดสัปดาห์นี้ ระหว่างวันผ่านกรอบแนวต้านขึ้นมาได้ทำให้ภาพโดยรวมเริ่มมีเชิงลบลดลง มองว่าดัชนีอาจปรับตัวขึ้น ไม่มาก แต่ก็ยังย่อตัวไม่ลึก เพื่อสร้างฐานให้แน่น ลุ้นการปรับขึ้น
โดยดัชนีได้รับแรงหนุนจากที่รัฐผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ทำให้มีความหวังต่อเศรษฐกิจ หนุนหุ้น AOT ที่ถ่วงดัชนี SET50 ค่อนข้างมาก รวมทั้งความวิตกกังวลพายุเฮอร์ริเคน"แซลลี่"กำลังขึ้นฝั่งกัลฟ์ โคสต์ของสหรัฐ มีผลต่อราคา น้ำมันปรับตัวขึ้นได้ เป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน ซึ่งมีน้ำหนักมากใน SET50
อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด จับตาการชุมนุม 19 ก.ย.นี้ ว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากผ่านไปได้ ด้วยดี มีคนร่วมชุมนุมไม่มากก็จะกลับมามีโอกาสรีบาวด์ได้ แต่มีปัจจัยลบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารที่มาตรการพักชำระหนี้ของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.)ใกล้จะหมดลงในเดือน ต.ค.นี้ และยังไม่มีมาตรการใหม่ สร้างแรงกดดันหุ้นกลุ่มธนาคาร
นอกจากนี้กลุ่มสถาบันมีการปรับพอร์ต SET50 Futures มีสถานะขายสุทธิ 3 วันติดต่อกัน ทำให้สะท้อนปรับพอร์ทขายหรือ ล็อก position ก็เป็นภาพกดดันให้ดัชนีไปไหนไม่ไกล
ในวันพรุ่งนี้ประเมินว่าดัชนีอาจแกว่งตัวในกรอบ รีบาวด์หรือปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด ให้กรอบแนวต้านที่ 842 จุด และให้แนว รับที่ 817 จุด แนวรับถัดไปที่ 807 จุด แนะรอย่อตัวไม่หลุดแนวรับ 817 จุด ให้เข้าเสี่ยงฝั่ง long แต่หากไม่ผ่านให้ปิดสถานะกลับมาถือ เงินสด
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ในวันพรุ่งนี้ ที่อาจส่งผลต่อดัชนี SET50 โดยจับตา BOJ หลังจากที่มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่คาดว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดเดิม เพราะมา จากพรรคเดียวกัน และคาดว่าคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ ส่วน BoE คาดตรึงอัตราดอกเบี้ยและคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดิม แต่ อังกฤษคงประสบปัญหาไวรัสโควิด-19 และกรณีอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (BREXIT) โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจมี ความเสี่ยงค่อนข้างสูง และประเมินว่าระยะถัดไป BoE อาจต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ส่วนราคาทองคำ ต้องรอดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่เป็นประเด็นชี้นำระยะสั้น คาดว่าเฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ ที่ มีผลเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำ จากที่เฟดใช้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย ทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยนาน 6-12 เดือน เป็นปัจจัยกดดันค่าเงิน ดอลลาร์ส่งผลเชิงบวกต่อทองคำ
อย่างไรก็ตาม ตลาดรับรู้ข่าวมาระดับหนึ่งแล้ว อาจปรับตัวขึ้นได้ไม่ไกล ก็ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร ขณะที่ต้องติดตาม การคาดการณ์แศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งอัตราการว่างงาน จีดีพี หากมีมุมมองเชิงบวกตะกลับมาหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่า และเป็นแรงกดดัน ราคาทองคำ ส่วน BOJ และ BoE คาดว่าการประชุมจะสอดคล้องกับการประชุมเฟด เพื่อปรับสมดุลค่าเงินเยนและเงินปอนด์
ในระยะสั้นให้แนวต้านไว้ที่ 1,973 เหรียญ/ออนซ์ หากไม่ผ่านก็คาดมีแรงขาย ให้แนวรับที่ 1,936 , 1,916 เหรียญ/ ออนซ์ แต่หากประชุมเฟดออกมาเป็นบวกกับราคาทองคำ ให้แนวต้านถัดไปที่ 1,992 เหรียญ/ออนซ์
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 832.88 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด, +0.66%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 301,397 1,885,632 Total Futures 297,027 1,816,793 SET50 Index 155,658 411,702 Sector Index - - Single Stock 85,303 1,302,924 Precious Metal 41,541 60,551 - GF10 9,396 23,841 - GF50 544 2,117 - Gold Online 31,601 34,593 Deferred Precious Metal 135 72 - GOLD-D 135 72 Currency 14,380 41,324 Interest Rate - - Agriculture 10 220 Total Options 4,370 68,839 Call 1,738 26,563 Put 2,632 42,276 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures -8,839 +7,533 +1,306 Options +31 -46 +15