นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index Futures วันนี้ ถูกกดดันอย่างชัดเจนจากการปรับตัวลงของหุ้น DELTA โดยระหว่างวันมีการพักฐานลงประมาณ 10% ซึ่งทุกๆ 1% ของหุ้น DELTA จะส่งผลให้ SET50 Index Futures อ่อนตัวลงมาประมาณ 0.55 จุด ส่งผลให้ S50H21 มีลักษณะของการพักฐานปรับตัวลงมา เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ
นอกจากนี้ ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่สัญญาณแข็งค่าขึ้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่กลับมาสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ และเริ่ม ส่งสัญญาณเชิงลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
แนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดว่า S50H21 ยังมีรูปแบบการเคลื่อนไหวในระยะสั้นเป็นขาขึ้น แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าการพักฐานลงมายังอยู่ในระดับที่จำกัด ขณะที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดี สหรัฐ ที่จะมีการประกาศออกมาในคืนนี้ น่าจะเป็นปัจจัยที่น่าจะส่งผลทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่ง น่าจะเข้ามาช่วยพยุงทิศทาง SET50 Index Futures ให้ปรับฐานลงจำกัด และมีโอกาสฟื้นตัวเมื่อนโยบายดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น
รวมถึงการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐออกมาแสดงท่าที่ประณามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงในช่วงที่ผ่านมา ก็ทำให้เกิด การคาดการณ์ว่าการชุมนุมประท้วงในอนาคตอาจจะลดความรุนแรงลง และมีความเสี่ยงลดลง ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และตลาดหุ้น บ้านเรามีปัจจัยลบลดลง อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย หากมีสัญญาณที่ชะลอตัวลงก็น่าจะเป็นโมเมน ตัมให้ดัชนีเคลื่อนไหวในทางขาขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูงได้
แนะนำให้จับตาแนวรับ 951-963 จุด หากดัชนีอ่อนตัวลงมาไม่หลุดแนวรับดังกล่าวก็น่าจะรักษาโมเมนตัมเชิงบวกเอาไว้ ได้ โดยแนะนำเปิดสถานะซื้อที่แนวรับ และตัดขาดทุนที่ระดับ 951 จุด ซึ่งหากดัชนีหลุดแนวรับก็อาจจะทำให้มุมมองเชิงบวกลดลง และให้ แนวต้านที่ 988-991 จุด หากดัชนีปรับตัวขึ้น ให้ทยอยปิดสถานะซื้อและกลับมาถือเงินสด เนื่องจากพอดัชนีเข้าใกล้โซนดังกล่าวก็เริ่มมี แรงขายทำกำไรสลับออกมาค่อนข้างมาก และเมื่อมีข่าวเชิงลบก็น่าจะกระตุ้นให้เกิดแรงขายด้วย
ด้านราคาทองคำวันนี้ มีลักษณะกลับมาผันผวนอีกครั้ง จากแรงกดดันดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นตามแนวโน้มพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐ ที่ปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะ ต้องจับตาดูว่า นโยบายดังกล่าวจะเรียกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด ถ้าเรียกความเชื่อมั่นได้ดี ก็น่าจะทำให้ดอลลาร์แข็งค่า ต่อ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ก็ปรับตัวขึ้นได้ ก็น่าจะกลับมากดดันราคาทองคำ แต่ถ้ามาตรการไม่ได้เรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม หรือมีการเติมเงินเข้าสู้ระบบที่ค่อนข้างสูง ก็น่าจะส่งผลต่อทิศทางเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น กดดันดอลลาร์สหรัฐให้ปรับฐานลง และราคาทองคำปรับ ตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ มองว่าราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน สะท้อน ให้เห็นถึงความเสี่ยงก่อนเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะมีคนจีนเดินทางกันจำนวนมาก และหากตัวเลขผู้ติดเชื้อของจีนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องก็ยัง คงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นจีน และสร้างแรงซื้อให้กลับมาในทองคำได้เข่นกัน
ให้แนวร้บ 1,818 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ถ้าหลุดให้ตัดขาดทุนบางส่วนและถือเงินสด รอดูการสร้างฐานที่แนวรับถัดไปที่ 1,800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และให้แนวต้าน 1,855-1,874 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ โดยขึ้นอยู่กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ว่าจะ สร้างแรงซื้อเข้ามาในตลาดทองคำได้มากน้อยเพียงใด ถ้าไม่มาก หรือดีดตัวขึ้นไม่ผ่านระดับดังกล่าว ให้ทยอยขายเพื่อลดความเสี่ยง และ กลับมาเล่นสั้นจากการแกว่งตัวในกรอบของราคา
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 971.35 จุด ลดลง 9.40 จุด, -0.96%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 488,756 2,555,606 Total Futures 483,483 2,501,529 SET50 Index 219,743 321,517 Sector Index - - Single Stock 230,510 2,074,556 Precious Metal 28,424 50,989 - GF10 3,647 15,467 - GF50 40 1,097 - Gold Online 24,573 32,539 - Silver Online 164 1,886 Deferred Precious Metal - 1 - GOLD-D - 1 Currency 4,806 54,284 Interest Rate - - Agriculture - 182 - Japanese Rubber - 34 - RSS3D - 148 - RSS3 - - Total Options 5,273 54,077 Call 2,063 15,258 Put 3,210 38,819 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures +23,990 -7,942 -16,048 Options -379 +568 -189