นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า การซื้อขาย SET50 Index Futures วันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ระหว่างวันทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ดัชนีผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังมีแรงขายทำกำไรออกมา
โดยดัชนีช่วงต้นปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากการโจมตีแหล่งอุตสาหกรรมน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้หุ้น กลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นและมีน้ำหนักถ่วง SET50 มาก แต่ระหว่างวันถูกกดดันจากความผันผวนตลาดหุ้นจีน หลังจากทางการจีนแสดงความวิตก กังวลฟองสบู่การเงิน เป็นสัญญาณว่าทางการจีนอาจออกมาตรการคุมเข้มส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม กดดันหุ้นขนาดใหญ่ และทำให้ตลาดหุ้น เซี่ยงไฮ้ปรับลงกว่า 2% รวมทั้งดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็เคลื่อนไหวในแดนลบ ส่งผลกดดัน S50H21 ปรับฐานลงในช่วงบ่าย
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลทิศทางอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อาจปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเป็นอีกหนึ่งในตัวเร่ง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ก็ ปรับตัวขึ้น สะท้อนอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินตลาดทุน ล่าสุด Bond Yield ดีดตัวขึ้นไปเหนือ 1.6% เป็นปัจจัยกดดันสำคัญของตลาดหุ้น
แนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดมีทิศทาง sideway up อาจย่อตัวไม่ลึกมากนัก มองภาพดัชนีได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจสหรัฐจะทำให้มีเม็ดเงิน Fund Flow ไหลเข้าตลาด Emerging Market และราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นมีโมเมมตัมพยุงหุ้นได้ต่อ
ให้แนวรับแรกที่ 946 จุด และแนวรับสำคัญที่ 937 จุดถ้าดัชนีอ่อนตัวแนะให้เปิดสถานะ long บริเวณแนวรับแรก หากรับ ความเสี่ยงได้มากให้เปิดสถานะบริเวณแนวรับแรก แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยให้เปิดสถานะบริเวณแนวรับสำคัญ ซึ่งเป็นจุด Stop loss ด้วย และหากดัชนีปรับตัวขึ้นให้ทยอยขายทำกำไรตามแนวต้าน โดยให้แนวต้านแรกที่ 970 จุด แนวต้านสำคัญ 979 จุด
ส่วนราคาทองคำ แนวโน้มโมเมมตัมพักฐานหรือย่อตัวระยะสั้น อาจรอดูการสร้างฐานซึ่งทำระดับต่ำสุดที่ 1,687 เหรียญ สหรัฐ/ออนซ์เมื่อวันศุกร์ที่ 5 มี.ค. ซึ่งต่ำสุดในรอบ 9 เดือน โดยระหว่างวันราคาทองรีบาวด์ขึ้นมาที่ 1,713.77 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เป็นราคาสูงสุดของวัน และย่อตัวลงมาคาดรับแรงกดดันจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สภาคองเกรสผ่านวงเงิน 1.9 ล้าน ล้านเหรียญสหรัฐ
และนักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับประมาณการ GDP สหรัฐในปี 64 เป็นโต 5.5% จากเดิม 4.1% โดยไตรมาส 1/64 เติบโต 4.8% ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในรอบ 3 เดือน และ Bond Yield ทยอยปรับขึ้น กดราคาทองให้ย่อตัว แม้ว่าราคาทองคำได้ แรงหนุนจากการป้องกันเงินเฟ้อ แต่มีแรงซื้อพยุงค่อนข้างจำกัด แนะนำหากราคาทองคำยังอยู่ในทิศทางขาลง ให้ขายออกแล้วค่อยเข้าซื้อ ใหม่ ให้แนวต้านแรก 1,713 และ 1,729 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ถ้าไม่ผ่านมีแนวโน้มย่อตัวลง โดยแนวรับไว้ที่ 1,674 เหรียญสหรัฐ/ ออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,662 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ดัชนี SET50 ปิดวันนี้ที่ระดับ 958.16 จุด ลดลง 0.17 จุด, -0.02%
ปริมาณ สถานะคงค้าง Total Market 549,908 2,554,521 Total Futures 540,799 2,461,282 SET50 Index 200,956 337,201 Sector Index - - Single Stock 260,004 1,999,190 Precious Metal 63,482 73,188 - GF10 9,316 20,992 - GF50 44 980 - Gold Online 53,090 49,085 - Silver Online 1,032 2,131 Deferred Precious Metal 5 3 - GOLD-D 5 3 Currency 16,277 51,627 Interest Rate - - Agriculture 75 73 - Japanese Rubber 75 73 - RSS3D - - - RSS3 - - Total Options 9,109 93,239 Call 3,188 32,009 Put 5,921 61,230 สรุปปริมาณการซื้อขายตามกลุ่มผู้ลงทุน นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนภายในประเทศ Futures -34,351 -22,770 +57,121 Options -261 +362 -101