Media Talk: คอนเทนต์ 8 ประเภทที่ช่วยกระตุ้นทราฟฟิคและเพิ่มการรับรู้

ข่าวต่างประเทศ Monday February 5, 2018 11:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แบรนด์ต่างๆได้ทุ่มเทและลงทุนในเรื่องของคอนเทนต์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเทในเรื่องของเวลา ทรัพยากร และเงินทุน เพื่อที่จะทำให้การเผยแพร่คอนเทนต์มีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะดึงดูด เข้าถึงและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้แก่ผู้บริโภค

จากผลสำรวจของ HubSpot’s State of Inbound 2017 พบว่า ลำดับความสำคัญของการทำตลาดขาเข้า 3 อันดับแรก คือ

1. SEO ที่เพิ่มขึ้นและชื่อเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

2. การพัฒนาคอนเทนต์บนบล็อก

3. การกระจายและเผยแพร่คอนเทนต์ให้เข้าถึงผู้คนมากขึ้น

ขั้นตอน 3 รายการนี้จะต้องใช้ควบคู่กันไป และอาจจะดูเหมือนง่ายเมื่อเขียนลงบนกระดาษ หรือแค่สร้างคอนเทนต์ขึ้นมาแล้วเผยแพร่ออกไปสู่กลุ่มผู้บริโภคหน้าใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนั้นจะมาจาก 2 ขั้นตอนแรก นั่นคือ การสร้าง SEO และการเผยแพร่คอนเทนต์

ข้อมูลด้านล่างนี้เป็นวิธีการเผยแพร่คอนเทนต์ 8 ประเภท พร้อมด้วยตัวอย่างการโปรโมทที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มชื่อเสียงของแบรนด์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังช่วยเพิ่มอุปสงค์และการมีปฏิสัมพันธ์จากกลุ่มผู้รับข้อมูลด้วย

1. บล็อก

บล็อกเป็นสื่อที่จะช่วยสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจให้กับเรา บล็อกจะสามารถนำเสนอและสื่อถึงบุคลิกภาพ ความเชี่ยวชาญ และคุณค่าของแบรนด์ ในขณะที่บล็อกที่มีการอัพเดทข้อมูลบ่อยๆจะช่วยเพิ่มทราฟฟิค ขณะที่ SEO จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้มาซึ่งว่าที่ลูกค้า การสร้างการมีส่วนร่วมหรือเอ็นเกจเมนต์จากกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ สามารถทำได้ด้วยการส่งคอนเทนต์จากบล็อกของคุณให้กับอินฟลูเอ็นเซอร์ ในขณะที่คุณเองก็ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของเสิร์ช เอ็นจิ้น ด้วยเช่นกัน

2. อินโฟกราฟิค

อินโฟกราฟิคที่ให้ข้อมูลและมีความสวยงาม จะช่วยเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์หรือการมีส่วนร่วม จากสถิติพบว่า แผนผังอัตราข้อมูลและกราฟฟิคของนักการตลาดเกือบ 70% นั้นเป็นคอนเทนต์ที่เป็นรูปภาพ โดยอินโฟกราฟิคที่ถูกใจกลุ่มเป้าหมายจะได้รับยอดไลค์และถูกนำไปแชร์บนโซเชียลมีเดียมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า

3. วิดีโอ

วิดีโอมีบทบาทในการสร้างและดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อออนไลน์ ได้มากยิ่งขึ้น ภายในปี 2562 ทราฟฟิคของอินเทอร์เน็ตทั่วโลก 80% จะถูกครอบงำด้วยวิดีโอ แม้ว่า จะมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณและแบนด์วิท แต่นักการตลาด 83% เชื่อว่า วิดีโอช่วยเพิ่มผลตอบแทนทางธุรกิจได้

4. กรณีศึกษา

การให้ข้อมูลหรือความรู้แก่ว่าที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นเรื่องที่จำเป็น การนำเสนอตัวอย่างหรือกรณีศึกษาต่างๆถือเป็นสิ่งที่ดีในแง่ของการช่วยให้กลุ่มเป้าหมายของคุณสามารถแยกแยะหรือประเมินทางเลือกของตนเองได้ นอกจากนี้การยกตัวอย่างกรณีศึกษาต่างๆขึ้นมายังช่วยกระตุ้นให้เกิดกลุ่มผู้ที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าของเรา และกระตุ้นดีมานด์ในกลุ่มเป้าหมายหลักด้วยเช่นกัน

5. รายงานสมุดปกขาว

รายงานสมุดปกขาว (White Paper) ถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนักการตลาดแบบ B2B จริงๆแล้วรายงานสมุดปกขาวอาจจะไม่สามารถดึงลูกค้าเข้ามาหาเราได้โดยอัตโนมัติ หากเราไม่เผยแพร่รายงานเหล่านี้ออกไปนอกจากนี้ เราสามารถเพิ่มช่องทางการขายได้ด้วยการเผยแพร่รายงานสมุดปกขาวเหล่านี้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย

6. คู่มือแบบฮาวทู

จากรายงาน Pardot’s State of Demand Generation พบว่า 70% ของกลุ่มผู้ซื้อจะหวนกลับมาที่กูเกิ้ลอย่างน้อย 2-3 ครั้ง เพื่ออ่านและหาข้อมูลว่า บริษัทของเรามีบริการหรือผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเหล่านี้ ดังนั้น คู่มือแบบฮาวทูจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และวิธีการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าหรือว่าที่ลูกค้าของเรา ดังนั้น เราต้องทำให้คู่มือฮาวทูของเราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเราให้ได้

7. แคมเปญทางสังคม

แคมเปญทางสังคมที่ประสบความสำเร็จนั้น จะขึ้นอยู่กับการกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์ การแชร์ และการคอมเมนต์ การขยายขอบเขตการเข้าถึงคอนเทนต์ที่ควรค่าแก่การแชร์ให้กับกลุ่มเป้าหมายหลักของคุณจะช่วยเพิ่มสัดส่วนในการเข้าถึงสังคม ตลอดจนการเผยแพร่ผ่านทางสื่อประเภท Paid media

8. เว็บบินาร์

เว็บบินาร์เป็นคอนเทนต์ที่มีความเป็นส่วนตัวและมีเอ็นเกจเมนต์มากที่สุด เพราะเว็บบินาร์ไม่เพียงแต่นำเสนอความเป็นผู้นำทางความคิดของแบรนด์ได้เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและว่าที่ลูกค้าได้โดยตรง

ที่มา: PR NEWSWIRE/CISION


แท็ก tat  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ