Media Talk: จับตาเทคโนโลยีมาแรงของจีน AIoT ซอฟต์แวร์วิเคราะห์แนวโน้มหุ้นและเทคโนโลยีกล้อง

ข่าวต่างประเทศ Tuesday September 24, 2019 13:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ณัฐพร วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมดิจิทัล ประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญ China Technology และสมาชิกของ Jack Ma Foundation ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะได้รับความนิยมในอนาคตของจีน ภายใต้งานสัมมนาหัวข้อ China Technology Trend 2020 ว่า จีนจะมีปัญญาประดิษฐ์หรือ Artificial Intelligence (AI) ที่เหมือนมนุษย์มากขึ้น ปัจจุบัน จีนได้ใช้งาน AIoT (AI+IoT) ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การใช้งาน AI ในโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยอำนายความสะดวกสำหรับผู้ป่วยในการไปพบแพทย์ หากผู้ป่วยได้ลงทะเบียนระบุอัตลักษณ์ตัวตนไว้แล้ว AI จะสามารถระบุรายละเอียดตั้งแต่แพทย์ที่จะตรวจรักษาว่า อยู่ห้องใด ชั้นใด ขึ้นบันไดตรงจุดใดที่ใกล้ที่สุด แม้แต่การจ่ายยา ผู้ป่วยสามารถเลือกยาที่ใกล้หมดอายุเพื่อให้ราคาถูกลงได้ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ยังเป็นผู้จ่ายยา กระบวนการเหล่านี้ เรียกได้ว่า ใช้หุ่นยนต์หรือ AI เกือบทั้งหมดยกเว้นเพียงแค่แพทย์เท่านั้น

เทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจในลำดับต่อมา ได้แก่ Predict data ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้วิเคราะห์แนวโน้มหุ้นทั่วโลกในแต่ละตลาด มีความผิดพลาดเพียง 0.2% นายทุนหลักที่ออกทุนพัมนาซอฟต์แวร์ดังกล่าว คือ Alibaba, Tencent และรัฐบาลจีน ล่าสุด มีธนาคารระดับโลกหลายแห่งซื้อซอฟต์แวร์ดังกล่าวไปใช้งานแล้ว เช่น เครดิตสวิส, โกลด์แมน แซคส์, แบงค์ออฟอเมริกา อย่างไรก็ดี ซอฟต์แวร์ดังกล่าวอาจจะมีข้อเสียเปรียบมนุษย์ในกรณีเกิดเหตุการณ์วิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งในกรณีเช่นนี้ มนุษย์สามารถจัดการกับวิกฤตได้ดีกว่า

เทคโนโลยีกล้องก็เป็นอีกเทคโนโลยีที่จีนให้ความสำคัญและสนใจพัฒนามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้จีนมีเทคโนโลยีเกี่ยวกับกล้องที่ทันสมัย หรือที่เรารู้จักกันอย่างเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า แต่นอกเหนือไปจากนี้แล้ว จีนยังมีกล้องที่ใช้ในด้านการทหาร ซึ่งใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์สมรรถภาพโลหะ กล้องดังกล่าวสามารถวิเคราะห์จุดอ่อนในโครงสร้างของโลหะได้เพื่อหาจุดอ่อนมากที่สุดของโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นอาคารหรือรถถัง

วัฒนธรรมองค์กรกับการพัฒนาของจีน

การที่เทคโนโลยีในจีนก้าวไกลขนาดนี้ เกิดจาก 3 ปัจจัยหลักได้แก่ Culture, People, Technology บริษัทจีนจะให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรอย่างมาก โดยวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทต่างๆ จะเกิดจากผู้นำเป็นผู้กำหนด รวมทั้งการปลูกฝังให้พนักงาน เพื่อให้พนักงานซึมซับและนำไปต่อยอดเป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ แจ็ค หม่า เคยกล่าวไว้ว่า "ผู้ที่มีข้ออ้างคือคนที่ไม่มีวัฒนธรรมและผู้ที่ไม่มีวัฒนธรรม คือคนที่เค้าจะพูดด้วยครั้งเดียวในชีวิต"

คุณณัฐพรได้ยกตัวอย่างของ"อาลีบาบา"ในช่วงแรกเริ่มของบริษัทจนถึงวันที่"อาลีเพย์"มียอดการทำธุรกรรมแตะ 100 ล้านหยวนนั้น อาลีบาบามีเพียงสมุดบันทึก ไม่มีโน้ตบุ๊กเลยสักเครื่อง หรือแม้แต่แอปพลิเคชันจองที่พักโรงแรมของอาลีบาบาอย่างฟลิกกี้ (Fliggy) ซึ่งในช่วงแรกที่เริ่มทำโปรเจกต์ดังกล่าวนั้น บริษัทไม่มีคอมพิวเตอร์ให้พนักงานใช้ ด้วยความที่ช่วงสัมภาษณ์รับสมัครพนักงานนั้น บริษัทถามว่า บริษัทมีโปรเจกต์ให้ทำ พนักงานอยากได้อะไรบ้าง โดยคำตอบที่ได้จากพนักงานคือไม่ต้องการอะไร เพราะต้องการงาน ซึ่งต่อมาพนักงานใช้วิธีการยืมคอมพ์เพื่อมาพัฒนาแอปพลิเคชันดังกล่าว หลังจากสร้างแอปพลิเคชันจนประสบความสำเร็จแล้ว พนักงานรายนี้ก็ยังคงเป็นพนักงานต่อไป ไม่ได้รับการโปรโมทอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งในทุกบริษัทควรมีพนักงานแบบนี้

ในส่วนของการที่ แจ็ค หม่า ประกาศลงจากตำแหน่งประธานบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นั้น คุณณัฐพร กล่าวว่า เนื่องจากคุณหม่าได้สร้างหลักสูตรปริญญาวิชาชีพ เพื่อนำมาใช้ในด้านการเรียนการสอน โดยเน้นที่วิชาชีพ และร่วมมือกับหลายฝ่าย ทั้งธนาคาร ผู้ประกอบการในการพัฒนาแพลตฟอร์ม"เถาเป่า" และมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น

คุณณัฐพรยังได้ยกตัวอย่าง"ปริญญาตรีบราวนี่" ซึ่งเป็นหลักสูตรการเรียนทำขนมบราวนี่ทางออนไลน์ เมื่อเรียนจบจะได้รับรองชั่วโมงเพื่อนำไปติดต่อร้านขายบราวนี่ที่เข้าร่วมในโครงการ โดยทางร้านจะเปิดโอกาสให้จำหน่ายและวางขายบราวนี่ในพื้นที่ที่ทางร้านได้จัดสรรไว้ให้ เมื่อขายได้ครบ 1,000 ชิ้นก็จะได้ตรารับรองออนไลน์ (ซึ่งได้วุฒิการศึกษาเทียบเท่า ปวช.) ในขณะที่เจ้าของร้านจะได้ส่วนลดจากอาลีบาบาหรือเถาเป่า หลังจากนั้นผู้เรียนจึงจะไปวางขายบราวนี่บนแพลตฟอร์มเถาเป่าได้ หากขายบราวนี่ได้ 1 ล้านหยวน จะได้วุฒิเทียบเท่าปวส. และเมื่อขายบราวนี่ได้ 10 ล้านหยวน จะได้วุฒิเทียบเท่าปริญญาตรี ซึ่งถือเป็นการเทียบลำดับการศึกษาที่อาลีบาบาได้เทียบเคียงไว้ ผู้ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรดังกล่าว จะสามารถนำใบรับรองไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อเปิดร้านของตัวเองได้

คุณณัฐพรทิ้งท้ายว่า หลักสูตรการศึกษาใหม่ๆควรจะสอนให้คนเก่งในเรื่องการทำงานจริงๆ ไม่ใช่เก่งในตำรา เพราะเศรษฐกิจในอนาคตจะอยู่ได้ด้วย"คนที่ทำงานเป็น"

ทั้งนี้ การสัมมนาในหัวข้อ China Technology Trend 2020 เป็นส่วนหนึ่งของงานเสวนาเรื่อง "อนาคตตลาดจีน 2020 กรณีศึกษา ผลกระทบจากสงครามการค้าและวิกฤตฮ่องกง"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ