บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงาน Thailand Zocial Awards 2020 ขึ้นเป็นปีที่ 8 โดยในงานวันแรกนี้อัดแน่นไปด้วยเวทีการสัมมนาที่น่าสนใจอย่างเต็มอิ่มถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ เวที Make it SHIFT or SHI_T ซึ่งได้รับเกียรติจากเหล่าผู้บริหาร 5 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียระดับโลกและระดับประเทศมาร่วมเปิดเผยทุกแง่มุมบนโลกโซเชียลให้ทุกคนได้ทราบกันอย่างหมดเปลือก ประกอบด้วย คุณไมเคิล จิตติวาณิชย์ จาก กูเกิล ประเทศไทย, คุณสิรินิธิ์ วิรยศิริ จากเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ประเทศไทย, คุณกฤษณะ งามสม จาก ไลน์ ประเทศไทย, คุณอภิศิลป์ ตรุงกานนท์ จากเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และคุณเอมี่ สิทธิเสนี จาก ทวิตเตอร์ ประเทศไทย
- ย้อนไฮไลท์เด็ดจากปี 2019
คุณสิรินิธิ์ วิรยศิริ ผู้บริหารของเฟซบุ๊ก ประเทศไทย กล่าวว่า การใช้งานของเฟซบุ๊กทั่วโลกยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การใช้งานก็ยังมีการเติบโตเช่นกัน โดยมีผู้ใช้งานที่เข้าถึงเฟซบุ๊กถึง 57 ล้านครั้งต่อเดือน และส่วนใหญ่เป็นการเฟซบุ๊กผ่านมือถือ ดังนั้น การคิดประเด็นเพื่อทำคอนเทนต์ที่มีความสร้างสรรค์จึงต้องเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้มือถือเพื่อเล่นเฟซบุ๊ก พร้อมกับยกตัวอย่างของการใช้ฟังก์ชั่นต่าง ๆของเฟซบุ๊กโดยแต่ละแบรนด์ที่อยู่ในภาคธุรกิจที่แตกต่างกัน
คุณสิรินิธิ์ กล่าวถึงตัวอย่าง Stories ของแบรนด์ชุดชั้นในอย่างวาโก้ในเฟซบุ๊กว่า วาโก้ได้นำเสนอความทันสมัยและคุณสมบัติที่น่าใช้งานของผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่สามารถเห็นภาพแบบเคลื่อนไหวได้ ขณะที่เครื่องดื่ม M150 ก็ได้ใช้วิดีโอบนเฟซบุ๊ก เพื่อโปรโมทกิจกรรมที่ทางบริษัทให้การสนับสนุนอย่างการเชียร์ แหลม ศรีสะเกษนักมวยชื่อดังของไทย ส่วนเป๊ปซี่ก็ได้ใช้เทคโนโลยีโลกเสมือน หรือ Augmented Reality (AR) ประกอบฟังก์ชั่น Messenger
ไมเคิล จิตติวาณิชย์ จากกูเกิล ประเทศไทย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวที่โดดเด่นของแพลตฟอร์มในเครือกูเกิ้ลในปี 2562 ได้แก่ ยูทูป ถือเป็นแหล่งที่ผู้ใช้งานเข้าไปหาข้อมูลเป็นจำนวนมาก ไม่ว่า จะเป็นข้อมูลด้านการเงิน วิธีการแต่งหน้า ความเคลื่อนไหวต่อมา คือ ประสบการณ์การรับชมคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ ผ่านทางสมาร์ททีวีที่ทางกูเกิลได้ร่วมมือกับทรู ซึ่งการให้บริการดังกล่าวทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปตามไปด้วย เนื่องจากฟังก์ชั่นที่สมาร์ททีวีมีให้นั้น ช่วยอำนายความสะดวกในหลายรูปแบบ และสุดท้าย คือ ผู้ใช้งานในต่างจังหวัดนั้น ได้มีการมีการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สำหรับไลน์ ประเทศไทยนั้น คุณกฤษณะ กล่าวว่า สิ่งที่น่าสนใจในปีที่ผ่านมาคือ "Chat Commerce" เนื่องจากในปัจจุบันคนไทยนิยมช็อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งผู้ขายสามารถใช้ประโยชน์จากการสร้าง Line Official Accounts เพื่อใช้เป็นช่องทางในการพูดคุยและติดต่อกับลูกค้า ถึงทางไลน์ระบุว่า มีผู้ขายจำนวนมากที่สามารถปิดการขายได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน โดยยอดการใช้งาน Line Official Accounts เติบโตขึ้น 110% ในช่วงปี 2558-2562
นอกจากนี้ ยอดการซื้อโฆษณาบน LINE Ads Platform ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาเพียง 9 เดือน โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะทำการแสดงโฆษณาบน LINE Timeline และ LINE Today ซึ่งมียอดวิวเฉลี่ย 1,000 ล้านครั้งต่อเดือน และผู้อ่านก็สามารถ Add Friend ไปหาแบรนด์ต่าง ๆ จากการคลิกโฆษณา ส่งผลให้ผู้ขายสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ทันที ปิดการขายได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถสร้างฐานผู้ติดตามบัญชี Line Official Accounts ของตัวเองได้อย่างสะดวกสบาย
ส่วนทวิตเตอร์ที่หลายคนเคยมองว่าเป็นสังคมของติ่งเกาหลีที่มักจะมีแต่การพูดคุยเรื่องดารานักร้องนั้น คุณเอมี่ได้เล่าให้เราฟังว่า ลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ทวิตเตอร์เริ่มเปลี่ยนไป โดยในปีที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมมากขึ้น ตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนถึงสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมขึ้นผ่านแฮชแท็กต่าง ๆ มากมาย อาทิ #หาดสวยด้วยมือนุช ซึ่งเป็นกลุ่มแฟนคลับของนักร้องดังอย่างเป๊ก ผลิตโชค ที่นัดกันเก็บขยะบริเวณชายหาดพัทยา หรือ #มาเรียมต้องไม่ตายฟรี ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมตระหนักถึงผลร้ายของการทิ้งขยะลงทะเลเป็นต้น
ด้านพันทิป คุณอภิศิลป์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 กระทู้ที่ชาวเน็ตให้ความสนใจถึงขนาดเข้ามาอ่านกันหลักล้านคนนั้นคือเรื่องฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่แนวทางการป้องกันสุขภาพ ไปจนถึงรีวิวเครื่องฟอกอากาศ นอกจากนี้ กระทู้ที่ได้รับความนิยมก็เป็นเรื่องปัญหาการตกงานจากสภาพเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลง โดยผู้ใช้งานมักจะเข้ามาตั้งกระทู้เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ หรือขอกำลังใจ รวมถึงการต่อประกันสังคมเมื่อลาออกจากที่ทำงานเป็นต้น
สำหรับความเคลื่อนไหวของแบรนด์ต่าง ๆ ที่ต้องการเข้ามาทำการตลาดผ่านพันทิปนั้น คุณอภิศิลป์กล่าวว่า การทำ Advertorial Content ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งมีทั้งแบบที่แบรนด์ทำคอนเทนต์เอง และแบบที่จ้างทีม Content Production ของพันทิปให้เป็นผู้จัดทำกระทู้
- ก้าวต่อไปในปี 2020 ของแพลตฟอร์มดัง
สำหรับกลยุทธ์ของพันทิปคือการผลักดันเครื่องมือใหม่ที่ชื่อว่า Comment Ads ซึ่งจะเป็นการโฆษณาแทรกในคอมเมนท์ของกระทู้หมวดที่กี่ยวข้องกับสินค้านั้น ๆ อาทิ กระทู้ฝุ่น PM2.5 ก็อาจมีการแทรกโฆษณาเครื่องฟอกอากาศลงไปได้ นอกจากนี้ ก็ยังมีแคมเปญที่เปิดให้แบรนด์มาร่วมแจกของรางวัลผ่านพันทิป ซึ่งคุณอภิศิลป์เล่าว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากพอผู้ใช้งานได้รับของแล้ว ก็จะนำสินค้านั้นกลับมารีวิวบนเว็บไซต์ ทำให้การโปรโมทสินค้ามีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นรีวิวจากผู้ใช้ตัวจริงที่ต้องการบอกต่อกัน
ขณะเดียวกัน พันทิปยังได้ซุ่มทำควิซเกมส์ โดยจะเปิดให้แบรนด์ต่าง ๆ สร้างเกมให้ผู้อ่านเข้ามาตอบคำถามและลุ้นรับรางวัลบนเว็บไซต์พันทิป ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ต้องการให้ผู้อ่านได้ทำความรู้จักกับแบรนด์มากขึ้นนั่นเอง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่โควิด-19 กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกนั้น ทางพันทิปก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยคุณอภิศิลป์กล่าวว่า พันทิปได้เปิดแคมเปญให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม 120 รายมาโฆษณาบนพันทิปกันฟรี ๆ เป็นเวลา 3 เดือน โดยแบนเนอร์โฆษณาจะปรากฎบนหน้าแรกของห้องบลูแพลเน็ต เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศให้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ด้านทวิตเตอร์นั้น การทำ Brand Purpose Marketing หรือการทำการตลาดที่เน้นการทำเพื่อสังคมมากขึ้น เป็นอีกเทรนด์ที่กำลังมาแรง เนื่องจากที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ว่า ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในปัจจุบันเริ่มตื่นตัวกับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น ดังนั้น การโฆษณาในลักษณะนี้จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์มากกว่าการขายสินค้าตรง ๆ ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ซุปไก่สกัดที่เปิดแคมเปญ #มหาลัยมาหาอะไร ขึ้น โดยทางแบรนด์ได้เลือกนำเสนอมุมมองจากเหล่าคนดังต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำอาชีพหลังเรียนจบ ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษา หรือเด็กมัธยมที่กำลังค้นหาตัวเองในช่วงวัยเปลี่ยนผ่านของชีวิต
ส่วนไลน์ในปีนี้จะเน้นไปที่ธีม "Complete Journey" หรือการทำแพลตฟอร์มของไลน์ให้มีความครอบคลุมสำหรับผู้ประกอบการมากขึ้น อาทิ LINE MyShop ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขายของผ่าน LINE Official Account ซึ่งมีทั้งบริการ Product Catalog ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า Check-out สินค้าเอง, การจดจำที่อยู่จัดส่งของลูกค้า หรือแม้กระทั่งการออกรายการสั่งซื้อ ตั้งราคา ส่วนลด ให้กับลูกค้าได้รายบุคคล โดยไลน์ระบุว่า ลูกค้าจากการแชทมีโอกาสที่จะปิดการขายได้สูงถึง 45%
ในส่วนของอินฟลูเอนเซอร์ที่กำลังมาแรงนั้น ไลน์ก็ขอเกาะกระแสด้วยการทำ LINE IDOL ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารใหม่ที่ช่วยให้ศิลปินกับแฟนคลับได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่าน LINE Official Accounts โดย LINE IDOL แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ เซเลบริตี เน็ตไอดอล บล็อกเกอร์ และพับลิชเชอร์ ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเข้ามาทำการตลาดได้ พร้อมเข้าถึงผู้ใช้ LINE กลุ่มใหญ่กว่า 44 ล้านคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสิรินิธิ์ ผู้บริหารเฟซบุ๊ก กล่าวว่า ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กในไทยนั้น ได้ใช้งานทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และเมสเซนเจอร์ ครบทุกแพลตฟอร์ม และยังใช้เวลามากขึ้นกับแพลตฟอร์มทั้ง 3 ประเภทนี้ ซึ่งหมาคววามว่า ผู้ใช้บริการมีความเข้าใจในฟังกืชั่นของแพลตฟอร์มดังกล่าวมากขึ้นตามไปด้วย
ทางด้านกูเกิลนั้น คุณไมเคิล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราจะวิ่งตามกลุ่มผู้ใช้งาน แต่ปัจจุบันเราต้องคาดการณ์ว่า เรื่องใดจะได้รับความนิยมและได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการ นอกจากการคาดการณ์แล้ว การทำตลาดแบบ Contextual marketing ซึ่งเป็นการตลาดแบบอิงสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา จะเป็นอีกเทรนด์ที่จะกลับมาในปีนี้
นอกจากนี้ จะมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ A.I. กับทุกแพลตฟอร์มของกูเกิล และจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มากขึ้นเช่นกัน