แวดวงสื่อต่าง ๆ ได้เผชิญกับความท้าทายอย่างมากมายในปี 2564 ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวที่ต้องหันมารายงานข่าวผ่านทางออนไลน์ หรือรายได้ที่ลดลงของสื่อสิ่งพิมพ์ ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้เองก็ถือเป็นโอกาสที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาเสพสื่อดิจิทัล เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทิศทางของปี 2565 จึงน่าจะเป็นปีที่น่าตื่นเต้น ด้วยกระแสที่อยู่รอบคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ อย่าง เมตาเวิร์ส ปัญญาประดิษฐ์ และการสมัครสมาชิกแบบเสียค่าบริการ เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์พิเศษ
บทความนี้จะแบ่งเป็น 2 ตอน โดยทีม Audience Development ของพีอาร์นิวส์ไวร์ ได้รวบรวมเทรนด์ปี 2565 และประเด็นสำคัญ ๆ ที่ถูกกล่าวถึงเป็นจำนวนมาก จากตลาดในเอเชียแปซิฟิก 9 แห่ง ซึ่งจะชี้ให้เห็นอนาคตที่น่าจับตาของวงการสื่อ ในพาร์ทนี้จะพูดถึงตลาดในออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง และอินโดนีเซีย
ออสเตรเลีย
1. เตรียมพร้อมสำหรับการมาของ "เมตาเวิร์ส"
การเปิดตัวของเมตาเวิร์ส โดยเฟซบุ๊ก จะปูทางไปสู่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรูปแบบใหม่ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการและสร้างคำจำกัดความใหม่ของรูปแบบการบริโภคสื่อ การแบ่งปันไอเดีย รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ผ่านโลกเสมือน
ขณะที่ "เมตาเวิร์ส"ถูกมองว่า จะเข้ามารับไม้ต่อจากยุคอินเทอร์เน็ต "เมตาเวิร์ส" จึงเป็นกระแสที่กระตุ้นให้แบรนด์ต่าง ๆ วางกลยุทธ์ใหม่เพื่อแข่งขันทางธุรกิจกันในโลกเสมือน เมื่ออนาคตจะไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพอีกต่อไป การนำเสนอคอนเทนต์จึงมีรูปแบบที่สร้างสรรค์และมีความ "ใหม่" ยิ่งกว่าเดิม แบรนด์ใดที่สามารถปรับตัวโดยคิดค้นวิธีนำเสนอข้อมูลแบบใหม่และทันสมัยได้ก่อนก็จะได้เปรียบแบรนด์ที่ยังคงยึดติดวิธีการแบบดั้งเดิม เมื่อมีสิ่งใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา การปรับกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็จะตามมาเช่นกัน ทางรัฐบาลออสเตรเลียที่ต้องเผชิญกับความสัมพันธ์รูปแบบใหม่กับเฟซบุ๊กและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จึงเหมือนกลับต้องไปเริ่มต้นร่างกฎระเบียบใหม่สำหรับการเผยแพร่คอนเทนต์ เพื่อให้เท่าทันและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2565
หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงล็อกดาวน์อย่างยาวนานเมื่อปี 2564 คาดว่า ความสนใจในการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ถึงกระนั้น ผลกระทบของโควิด-19 ก็ยังทำให้ผู้ที่สนใจท่องเที่ยวกังวลเรื่องกฎเกณฑ์อันซับซ้อนในการท่องเที่ยวยุคโควิด-19 ในปี 2565 ความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจะกลายเป็นสิ่งที่มีราคา โดยผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวมากกว่า 30% ต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลเกี่ยวข้องกับวงการท่องเที่ยวจึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก
สถานการณ์โรคระบาดยังได้ส่งผลกระทบต่อแรงจูงใจในการท่องเที่ยวของผู้คน โดยชาวออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะเที่ยวในทริปที่ปลอดภัยไร้กังวลมากกว่าเลือกทริปที่มีราคาถูกที่สุด ขณะที่นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา และอังกฤษเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยมลำดับต้น ๆ ของชาวออสเตรเลียในปี 2565 ด้วยเป้าหมายที่จะสั่งสมประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่จึงวางแผนที่จะจองที่เที่ยวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วงลาพักร้อน เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาที่สูญเสียไประหว่างล็อกดาวน์
3. ความนิยมของการสมัครใช้บริการด้านคอนเทนต์
อีกหนึ่งผลกระทบของโรคระบาดที่เกิดขึ้นกับธุรกิจสื่อ คือ ยอดรายได้ของการสมัครสมาชิกเพื่อรับบริการด้านคอนเทนต์ ซึ่งแซงยอดรายได้จากโฆษณาไปเป็นที่เรียบร้อย ในช่วงปี 2563 - 2564 ที่ผ่านมา แบรนด์ต่าง ๆ เลือกที่จะชะลอการลงทุนกับโฆษณา ทำให้ยอดรายได้จากโฆษณาของผู้ประกอบการสื่อตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะที่ชาวออสเตรเลียจำนวนมากต้องการรับข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด หลายรายมองหาสื่อเจ้าใหญ่ที่ลงข่าวเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และยินดีที่จะจ่ายค่าบริการเพื่อรับข่าวสารจากสื่อที่เชื่อถือได้ News Corp หนึ่งสื่อรายใหญ่ชั้นนำของวงการข่าวออสเตรเลียรายงานว่า บริษัทขาดทุนไปกว่า 60 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในปีงบประมาณที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่ารายได้ที่มาจากการสมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการติดตามข่าวสารนั้น เพิ่มขึ้นถึง 17%
กุญแจสำคัญในการรักษารายได้ คือ การที่ผู้ผลิตสื่อต้องรักษามาตรฐานคุณภาพของสื่อไว้ ตัวอย่างเช่น The Australian ผู้ผลิตสื่อหนังสือพิมพ์เจ้าใหญ่ในออสเตรเลีย เป็นหนึ่งในสื่อเจ้าแรก ๆ ที่หันมาเปิดรับสมาชิกเพื่อการเข้าถึงสื่อในรูปแบบดิจิทัล จนสามารถสร้างรายได้ที่พุ่งสูงขึ้นแม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
จีนแผ่นดินใหญ่
1. เทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนการผลิตคอนเทนต์ต่อไป
องค์กรสื่อจะพยายามหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อผลิตสื่อให้น่าสนใจ ทั้งนี้รวมไปถึงการใช้ข้อมูลที่จัดทำขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชีน เลิร์นนิง (Machine Learning) การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิตคอนเทนต์และยังครอบคลุมไปถึงเรื่องการติดตามสื่อ (Media Monitoring) การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ (Real Time Alerts) หรือการรวบรวมฟีดแบคของผู้ใช้ สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์สำหรับการตัดสินใจของกองบรรณาธิการในการพัฒนาคอนเทนต์ออนไลน์รูปแบบต่างๆ
ในขณะที่ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่สูงขึ้น ผู้ผลิตสื่อในจีน โดยเฉพาะกลุ่มสื่อดั้งเดิม จึงยิ่งต้องตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคให้ได้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยเร่งการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพอย่างรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะด้านการจัดทำสื่อแบบมัลติมีเดีย และการปรับปรุงเพื่อให้คอนเทนต์อ่านเข้าใจง่าย
2. แพลตฟอร์มสื่อต่างๆ จะให้ความสำคัญกับการวัดข้อมูลสถิติของคอนเทนต์มากยิ่งขึ้น
จากรายงานผลการสำรวจของพีอาร์นิวส์ไวร์แอเชียแปซิฟิกเมื่อปี 2564 ข้อมูลการวัดสถิติคอนเทนต์เป็นกุญแจสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพการทำงานสำหรับนักข่าว สถิติเหล่านั้นประกอบด้วยยอดการเข้าชม คอมเมนต์ และการนำไปเผยแพร่ต่อ เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าช่วยให้เราสามารถเข้าถึงวิธีการวัดข้อมูลสถิติเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว องค์กรสื่อต่าง ๆ จะใช้ข้อมูลสถิติเหล่านั้นประกอบการตัดสินใจว่า จะผลิตคอนเทนต์ออกมาในรูปแบบใด ซึ่งหลักการนี้จะส่งผลต่อทิศทางการทำงานของกองบรรณาธิการในอนาคต
การสร้างรายได้จากคอนเทนต์ (Content Monetization) จะกลายเป็นประเด็นร้อนเช่นเดียวกัน สื่อทุกแพลตฟอร์มให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าทางการตลาดจากคอนเทนต์ของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ สื่อหลายเจ้าจะลงทุนเพื่อเพิ่มยอดการเข้าถึงคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการแทรกโฆษณาผลิตภัณฑ์ในคอนเทนต์ ซึ่งมาแรงในการทำการตลาดออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ
3. สื่อประเภทวิดีโอยังไปได้อีกไกล
แพลตฟอร์มสื่อหลากหลายแพลตฟอร์มจะผลิตและเผยแพร่คอนเทนต์แบบวิดีโอมากยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพของสื่อวิดีโอที่สามารถดึงความสนใจของกลุ่มเป้าหมายและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลจากกระแสที่มาแรงของคอนเทนต์วิดีโอออนไลน์ ทำให้การผลิตสื่อวิดีโอกลายเป็นสิ่งที่องค์กรสื่อหลายเจ้าให้ความสนใจเป็นลำดับต้น ๆ แทบทุกองค์กรจะมีทีมผลิตสื่อวิดีโอที่พร้อมจะรับงานทั้งการสตรีมมิงแบบไลฟ์ ถ่ายทำวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอ หรือการจัดกิจกรรมซื้อขายออนไลน์
Douyin มีฐานข้อมูลสื่อวิดีโอขนาดใหญ่ ซึ่งมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก วิดีโอใน Douyin มักจะถูกเผยแพร่ต่อผ่านโซเชียลมีเดีย มือถือ หรือแพลตฟอร์มสตรีมวิดีโออื่น ๆ ในอนาคตคอนเทนต์ประเภทวิดีโอจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในยุคที่เกิดการหลอมรวมของสื่อต่าง ๆ
ฮ่องกง
1.นักข่าวจะกลายเป็น "Key Opinion Leaders"
นักข่าวสมัยนี้ไม่ได้ทำแค่เขียนข่าวอีกต่อไป แต่นักข่าวยังได้พัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำทางความคิด (Key Opinion Leaders) ในสาขาของตนเอง และทำหน้าที่เสมือนอินฟลูเอนเซอร์ เช่น การรีวิวสินค้าหรือนำเสนอการสัมภาษณ์ผ่านช่องทางออนไลน์ นักข่าวจะถูกคาดหวังให้แสดงความคิดเห็นเมื่อได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ผ่านทางสื่อวิดีโอซึ่งเผยแพร่ประกอบในข่าวออนไลน์ เพื่อแบ่งปันความเห็นในฐานะผู้ใช้ผลิตภัณฑ์รายแรก การนำเสนอข่าวในลักษณะนี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในฝั่งนักข่าวที่รีวิวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พึ่งจะเปิดตัว ในยุคนี้แม้แต่นักข่าวสื่อสิ่งพิมพ์ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะรายงานข่าวผ่านกล้องมากกว่าการเขียนข่าวเพียงอย่างเดียว
2. การดึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคแบบเรียลไทม์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
สื่อในปัจจุบันมีความทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบเว็บไซต์ที่สามารถเก็บข้อมูลทั่วไปและข้อมูลเชิงลึกจากผู้อ่าน เพื่อใช้ดึงดูดกลุ่มลูกค้า หรือนำเสนอโฆษณาที่ตรงตามลักษณะของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น บริษัทสื่อบางรายอาจเขียนโค้ดเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมตามเซ็คชั่นต่าง ๆ ของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ไปจนถึงการแทรกคีย์เวิร์ดหรือรูปภาพตัวในรูปแบบแบนเนอร์ เพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกของการเข้าชมเว็บไซต์ เช่น จำนวนการคลิก หรือระยะเวลาที่เปิดหน้าเว็บ ท้ายที่สุดข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปนำเสนอต่อแบรนด์ต่าง ๆ ที่ต้องการลงโฆษณาในช่วงเวลาที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก
3. ยอดการคลิกคอนเทนต์เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้
แทนที่จะพยายามตามเก็บข่าวใหม่ ๆ บรรณาธิการบางรายอาจจะให้ความสำคัญกับการติดตามประเด็นที่สร้างกระแส หรือเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม การนำเสนอประเด็นเหล่านี้มักจะเรียกยอดคลิกจากผู้อ่านได้ดีกว่าข่าวทั่ว ๆ ไป ทุกวันนี้บทความข่าวอาจจะไม่จำเป็นต้อง "มีคุณค่าด้านข่าว" มากเท่าสมัยก่อน สังเกตได้จากหนังสือพิมพ์แจกฟรีส่วนมากจะให้ความสำคัญไปที่การโฆษณาเป็นหลัก ส่วน "ข่าว" นั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนเนื้อหาของโฆษณาอีกทอดหนึ่ง เช่น หากมีโฆษณาเกี่ยวกับด้านสุขภาพอยู่ในหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการก็มีโอกาสที่จะเขียนข่าวเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เพื่อช่วยโปรโมตโฆษณาเหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
อินโดนีเซีย
1. ประชาชนสมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับบริการข่าวแบบดิจิทัลมากขึ้น
บริการบอกรับเป็นสมาชิกเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ข่าวดิจิทัลยังมีแนวโน้มว่าจะไปได้สวย โดยข้อมูลบ่งชี้ว่าผู้บริโภคเต็มใจที่จะจ่ายค่าบริการเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์ออนไลน์ จำนวนผู้สมัครสมาชิกเพื่อดูโทรทัศน์ออนไลน์เพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นได้จากแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Disney+ Hotstar ซึ่งเริ่มเข้ามาตีตลาดในอินโดนีเซียตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ปัจจุบันมีจำนวนผู้สมัครสมาชิกสูงเกินกว่า 2.5 ล้านคนในเดือนมกราคม 2565 ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อบางรายคาดการณ์ว่า ผู้ผลิตสื่อจำนวนกว่า 45,000 รายในอินโดนีเซียอาจควบรวมกับพันธมิตรสื่อในละแวกใกล้เคียง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงดูดผู้บริโภค โดยผู้ผลิตสื่อจำเป็นต้องประเมินเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ตนเองมี และวางกลยุทธ์เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทางตามสาขาที่ตนเองถนัด
2. การบริโภคสื่อผ่านอุปกรณ์มือถือ จะเติบโตยิ่งกว่าเดิม
ในอินโดนีเซีย สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทุกที่ ค่าบริการมือถือในประเทศนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีราคาถูกที่สุดในโลก นอกจากนี้สัญญาณโทรศัพท์ยังเข้าถึงได้แทบทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ในชนบท มีผลการวิจัยชี้ว่าชาวอินโดนีเซียโดยทั่วไปใช้เวลากับโลกอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมากกว่า 5 ชั่วโมงในแต่ละวัน ส่วนมากใช้ไปกับการเล่นโซเชียลมีเดีย ตามมาด้วยการฟังเพลง เล่นเกม และดูวิดีโอ บริษัทผู้ผลิตสื่อจึงเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างคอนเทนต์สำหรับกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น
ที่มา : พีอาร์นิวส์ไวร์