ก่อนหน้านี้เราได้พูดคุยเปิดมุมมองในเรื่องการทำงานด้านประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนของพีอาร์ที่เป็นคอร์เปอเรท และพีอาร์เอเจนซี่ กันไปแล้ว คราวนี้เลยขอพาทุกท่านมาเปิดทัศนะใหม่ ฟังมุมมองในการทำงานของพีอาร์ฝั่งภาครัฐกันบ้าง ซึ่งเราก็ได้รับเกียรติจาก ผอ.ลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช และ พัทลุง มาพูดคุยให้รายละเอียดทั้งในส่วนของกลยุทธ์การตลาด การทำพีอาร์ รวมไปถึงเรื่องราวการท่องเที่ยวที่น่าสนใจภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง ที่ฟังแล้วอยากเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าไปล่องใต้ขึ้นมาทันทีเลยล่ะค่ะ
สำหรับ นางสาวลดาวัลย์ ช่วยชาติ หรือ คุณดา เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2558 ก่อนที่จะมารับหน้าที่เพิ่มเติมช่วยดูแลในส่วนของการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงด้วย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่เราจะพาไปพูดคุยกับคุณดาในวันนี้ จะมีทั้งอัพเดทสถานการณ์การท่องเที่ยว 2 จังหวัดในพื้นที่ เทคนิคและกลยุทธ์ในการทำประชาสัมพันธ์กับโจทย์ใหม่อย่างจังหวัดพัทลุงที่เพิ่มเข้ามา คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว และพิเศษกับไฮไลท์เด็ด เมืองต้องห้ามพลาด Plus จังหวัดพัทลุง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปพบกับบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ คุณดา - นางสาวลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช และ พัทลุง กันเลยค่ะ
สถานการณ์การท่องเที่ยวในนครศรีธรรมราช มีตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 3.4 ล้านคน ตัวเลขเพิ่มขึ้น 10% รายได้อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท ตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 14% ส่วนในปี 59 ที่เราได้พูดคุยกับผู้ประกอบการน่าจะเพิ่มขึ้น อัตราการเข้าพักที่นครศรีธรรมราช น่าจะอยู่ที่ 60% ของห้องพักทั้งหมดประมาณ 7,000 ห้อง สัดส่วนนักท่องเที่ยวยังคงเป็นคนไทยเป็นหลัก โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 80% นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 20% ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อยู่ในภูมิภาคภาคใต้ด้วยกัน ก็มีภาคกลางลงมาบ้าง ส่วนต่างชาติก็มีมาเลเซีย กลุ่มนักท่องเที่ยวจากสแกนดิเนเวีย ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี กับสวีเดน
อัตราการเข้าพัก ของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 2 วัน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็แล้วแต่สัญชาตินะคะ มาเลเซีย ประมาณ 2 วัน ยุโรป แสกนฯ ประมาณ 4-5 วัน อันนี้คือสถานการณ์ท่องเที่ยวของนครศรีธรรมราช ส่วนพัทลุง ปี 2558 นักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7% รายได้อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้น 12% ห้องพักประมาณ 1.8 พันห้อง แนวโน้มพัทลุงเอง มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากททท.เองมีนโยบายประชาสัมพันธ์เมืองต้องห้ามพลาด Plusโดยการเน้นไปที่เมืองรอง และสร้างความสมดุลระหว่างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเมืองหลักสู่เมืองรอง กระจายนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างความสมดุล นครศรีธรรมราชและพัทลุงได้อานิสงค์จากแคมเปญนี้ค่อนข้างจะสูงค่ะ
ในพื้นที่ของนครฯ และพัทลุง เท่าที่ตรวจสอบกับผู้ประกอบการเราไม่ได้รับผลกระทบด้านความไม่สงบในพื้นที่ค่ะ ส่วนสภาพอากาศ การท่องเที่ยวก็เป็นไปตามฤดูกาลของเขานะคะ เท่าที่เราอยู่นครฯ ฝนจะตกหนักช่วง พ.ย. - ธ.ค. นอกนั้นอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 60% ค่อนข้างจะเสมอต้นเสมอปลาย แต่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็จะมาช่วงวันหยุด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ วันหยุดยาว อันนี้ก็เป็นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วประเทศที่จะเป็นในรูปแบบนี้ค่ะ
ตอนนี้ ผอ. เข้ามาดูแลทั้ง 2 จังหวัดแล้ว มีกลยุทธ์การทำประชาสัมพันธ์ การตลาด หรือกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง?
คือจริงๆ แล้ว กลยุทธ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ทั้งในภาพรวม และระดับพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบ เป้าหมายที่รัฐบาลให้เราคือการเจริญเติบโตด้านรายได้จากการท่องเที่ยว ททท.เองก็มีกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวในภาพรวมอยู่แล้ว ขณะที่ ททท.นครศรีฯ เอง เราจะมีกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่ 3 กลยุทธ์ ก็คือ “กลยุทธ์กระตุ้นการเดินทางนักท่องเที่ยวกลุ่มกระแสหลัก" เราต้องการรักษานักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมไว้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่ม GEN Y กลุ่มสูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มกระแสหลัก จะมีโครงการสนับสนุนกลยุทธ์นี้ประมาณ 3 โครงการ เป็นโครงการแก้ปัญหาสถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง เช่น “เที่ยววันธรรมดารักษาโรคเครียด" เป็นโครงการในปี 60
อย่างที่บอกว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาในช่วงวันหยุด หรือลองวีคเอ็นด์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เราจึงทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมให้คนเดินทางมาเที่ยวในวันธรรมดาให้มากขึ้น เราก็จะมีสิ่งที่นำเสนอว่าทำไมถึงอยากให้มาท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพราะอาหารการกิน แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในวันธรรมดาทำให้เรา สัมผัสบรรยากาศการพักผ่อนจริงๆ และคุ้มค่าเงิน ปกติในหลายพื้นที่ วันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเยอะ ราคาห้องพักจะแตกต่างจากวันธรรมดา อาหารการกิน ที่จอดรถ การเดินทาง เที่ยวบิน ก็ค่อนข้างจะมีข้อจำกัด แต่ในวันธรรมดาจะปลอดโปร่ง โล่ง รู้สึกได้เติมพลัง ได้พักผ่อนเต็มที่ อันนี้คือที่มาที่ไปของโครงการ เที่ยววันธรรมดารักษาโรคเครียด นะคะ เรามองว่าในวันธรรมดาแนวโน้มคนในยุคปัจจุบันมีภาวะหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม ที่กดดันการทำงานของเรา การเร่งรีบต่างๆ ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ สะสมโรคภัยไข้เจ็บ ก็เลยคิดแคมเปญนี้ขึ้นมา 5 วัน วันธรรมดาอาจจะเป็นเรื่องของวิตามิน 5 สี ที่มาเที่ยวแล้วเติมเต็มให้ชีวิตของตัวเองมีพลังมากยิ่นขึ้น มีพลังมากขึ้น วันจันทร์สีเหลือง เรื่องศาสนา สีชมพู เที่ยววันอังคาร ขนอมมีโรงงานสีชมพู คลายเครียดกับโลมา สีเขียว คีรีวง ลานสกามีพื้นที่ที่อากาศดีที่สุด พัทลุงอากาศดี มารีเฟรชสมอง เติมโอโซนให้ตัวเอง สีส้มก็กิจกรรมแอดเวนเจอร์ กลุ่ม Gen Y มาปลดปล่อยพลังของตัวเอง เป็นต้น
ส่วนกิจกรรมที่เรามองในปี 60 ที่จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ได้ ก็จะมีโครงการ นครศรีธรรมราช Art & Music ในเดือน พ.ค. จัดขนอมเฟสติวัล เดือนมี.ค.จัดกิจกรรม Art and Craft เอาใจบรรดาอาร์ทตัวพ่ออาร์ทตัวแม่ที่ หาดสิชล
กลยุทธ์ขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพ กลุ่มนี้จะเจาะนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ มีค่าใช้จ่ายต่อทริปมากขึ้น โครงการเก๋ายกก๊วนชวนเที่ยวเมืองนครและพัทลุง เพราะเรามีสินค้าที่ตอบรับลูกค้ากลุ่มนี้ ทั้งเรื่องศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน กิจกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มซิลเวอร์เอจ หรือเบบี้บูมเมอร์ ส่วนอีกกลยุทธ์นึงคือกลยุทธ์กระจายพื้นที่ท่องเที่ยว อันนี้เป็นโครงการประสานความร่วมมือและเสริมศักยภาพด้านการตลาดให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ อาจจะให้ความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพแก่ผู้ประกอบการ อาทิ ให้ความรู้เรื่องการตลาดสมัยใหม่ การตลาดในยุคอัจฉริยะ หรือพาไปร่วมกิจกรรมเทรดโชว์ทั่วประเทศ ส่วนโครงการเมืองต้องห้ามพลาด Plus จะมีผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้เป็นเจ้าภาพหลัก ส่วนนครฯ และพัทลุง เราเป็นหนึ่งในโครงการ 12 เมืองต้องห้ามพลาด Plus จะเน้นในเรื่องส่งเสริมการขาย ดึงนักท่องเที่ยวจากพื้นที่อื่นเข้ามาในพื้นที่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด และเน้นเรื่องการประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ให้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองภายในโครงการนี้ อย่างไรก็แล้วแต่ ทุกโครงการที่ทำขึ้น เรายังใช้แคมเปญท่องเที่ยว วิถีไทยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้ามาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในพื้นที่เราได้ นี่ก็เป็นทิศทางส่งเสริมการตลาดของนครศรีธรรมราชและพัทลุงในปี 2560 นะคะ
ช่องทางในการประชาสัมพันธ์นะคะ อย่าง เล่าเรื่องเมืองลุงคุยฟุ้งเรื่องเมืองนครฯ เราต้องดูกลุ่มลูกค้าว่าลูกค้าเราเป็นใคร อย่างท่องเที่ยวกระแสหลักเป็นภาพรวม นักท่องเที่ยวทั่วไป เราจะเลือกสื่อที่เป็นแมส เช่น สื่อทีวี สิ่งพิมพ์ ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าจำนวนมากหรือทั่วประเทศ ส่วน ท่องเที่ยววันธรรมดารักษาโรคเครียด ก็เช่นเดียวกัน แต่เราอาจจะเจาะกลุ่มฟรีแลนซ์ คนที่ทำงานอิสระ กลุ่มที่ไม่ใช่พนักงานประจำ หรือเจ้าของธุรกิจ ส่วนอาร์ทแอนด์มิวสิค ก็เป็นเรื่องของมิวสิค ก็จะเจาะลูกค้า Gen Y เราต้องเน้นไปที่โซเชียล อาจจะต้องใช้บรรดาเน็ตไอดอล หรือนักร้องที่มีชื่อเสียงที่เชิญมาร่วมงานเป็นเซเลบในการประชาสัมพันธ์ให้เรา หาดติชล เจาะกลุ่มที่ชอบงานศิลปะ ก็เชิญเซเลบริตี้ที่ชื่นชอบศิลปะเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ เป็นต้น เราต้องมาวิเคราะห์แต่ละโครงการว่าเราจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ช่องทางไหน ต้องใช้ข้อมูลทางวิชาการมาสนับสนุนว่ากลุ่มนี้เค้าติดตามสื่อไหน ใช้ช่องทางไหนในการสื่อสารซึ่งกันและกันค่ะ
จริงๆ แล้วด้านการประชาสัมพันธ์ ทุกสื่อมีความสำคัญหมด ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน และที่สำคัญในยุคนี้เป็นยุคที่นักท่องเที่ยวเองสามารถเจนเนอเรทคอนเทนท์ ข้อมูลข่าวสารได้เอง ไม่เฉพาะเรื่องท่องเที่ยว แต่ถ้าถามว่ามีบริการเหล่านี้ หรือ iQMediaLink ขึ้นมาเนี่ย ก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นอีกช่องทางนึง ที่ได้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่มีองค์ความรู้ทั่วประเทศ ทั่วโลกมาช่วย อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีในยุคของโลกดิจิทัลค่ะ
จริงๆ แล้วในการเชิญสื่อลงพื้นที่ ก่อนจะเชิญสื่อเราก็ต้องวิเคราะห์แล้วว่าสื่อไหนที่มีผู้ที่ตามเยอะ สื่อกลุ่มไหนที่สามารถสร้างการรับรู้ให้กับพื้นที่เรา และที่สำคัญที่สุดคิดว่าสื่อทุกสื่อที่ ททท. เชิญมา ทุกคนให้ความร่วมมือ ททท.ด้วยดีเสมอมา และเวลาสื่อกลับไปแล้ว ททท. ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงที่เป็นกระบอกเสียงเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่นครศรีธรรมราชและพัทลุงให้เต็มที่ เราต้องขอบคุณจริงๆ ค่ะ และเราได้นำผลงานที่ท่านเผยแพร่ให้ผู้คนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ หรือชุมชนที่ไปว่า สื่อได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ออกไปอย่างกว้างขวางแล้ว
ไหนๆ ก็พูดถึง พัทลุง แล้ว อยากให้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหรือสิ่งที่น่าสนใจสัก 5 ที่ ว่ามาพัทลุงแล้วต้องห้ามพลาดมีอะไรบ้าง?
1. งานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งจัดไปเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยมี 2 กิจกรรม กิจกรรมแรกเป็นการแข่งโพน อีกกิจกรรมเป็นการแข่งเรือพระชิงถ้วยพระราชทานฯ ที่เราเห็นการจัดงานลากพระ หรือชักพระในหลายๆ พื้นที่ กิจกรรมแม่เหล็กคือการชักพระ ลากพระ แต่จังหวัดพัทลุงจะแตกต่างจากจังหวัดอื่นตรงที่มีการแข่งโพน การแข่งโพนของพัทลุงเป็นกิจกรรมที่ไม่มีที่ไหนในประเทศ การแข่งโพนเป็นการนำกิจกรรม วัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ขึ้นมา โพนของพัทลุงมี 9 จุด เป็นโพนที่เป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง นักท่องเที่ยวที่มาพัทลุงแล้วต้องตีโพนให้ครบ 9 ลูก แล้วในงานนี้มีการประกวดเรือพระ ที่สำคัญมีการแข่งซัดต้มด้วย ซัดต้มก็ไม่มีที่อื่นในประเทศไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าเราไปอ่านพุทธประวัติในอดีตเค้าเขียนไว้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ลงมายังโลกมนุษย์ จะมีการถวายภัตตาหาร และมีผู้คนมากมายที่อยากถวาย แต่คนส่วนหนึ่งไม่สามารถถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าได้ จึงมีการนำใบไม้มาห่อแล้วโยนใส่บาตรถวายให้พระพุทธเจ้าแทน แล้วพอโยนภัตตาหารเหล่านี้อาจจะไปโดนคนอื่นๆ ที่ต้องการถวายภัตตาหารแก่พระพุทธเจ้าเช่นกัน ก็เลยเกิดเป็นประเพณีนี้ขึ้นมา เป็นการชิงไหวชิงพริบ ลูกต้มที่ซัดเข้าไปถ้าหลบไม่ทันและไปโดนตัวใครแล้วเจ็บก็จะแพ้ ซึ่งกิจกรรมนี้พัทลุงยังอนุรักษ์ไว้ ถ้าเดินทางมาท่องเที่ยวพัทลุงในช่วงนี้ ก็ไม่ควรพลาดค่ะ
2. แหล่งท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดคือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งตรงนี้จะมีทะเลบัวแดง มีความสวยงามของแหล่งดูนก ดูวิถีชีวิตการเลี้ยงควายน้ำของชาวบ้าน นอกจากนี้ต้องไปดูวิถียอยักษ์ที่ปากประ ดูพระอาทิตย์ขึ้น แสงแรกที่ปากประนี้สวยงาม และเป็นวิถีชีวิตแบบอดีตที่ชาวบ้านที่นี่ยังดำรงชีวิตในการหาปลาเลี้ยงชีพด้วยยอยักษ์อยู่ ครั้งนึงในชีวิตต้องมาค่ะ และต้องลงมือยกยอยักษ์ด้วยตัวเอง อาจจะขอชาวบ้านตรงนี้ ขอมีประสบการณ์จับปลาด้วยยอยักษ์กับชาวบ้านที่นี่ดูค่ะ
3. สะพานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (สะพานเอกชัย) นี้เป็นสะพานแห่งความสุข ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศ ที่สำคัญคือถ้าไม่อยากล่องเรือดูนก ดูวิถีชีวิตควายน้ำ เราสามารถส่องนก ดูวิถีชีวิตต่างๆ ณ จุดชมวิวบนสะพานได้ ทั้งช่วงเช้า และเย็น เป็นจุดชมวิวชมภูมิทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของพัทลุงที่ไม่ควรพลาดค่ะ
4. บ่อน้ำแร่ร้อนเขาชัยสน นอกจากไปเพื่อสุขภาพ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตจากการแช่น้ำแร่แล้ว อย่าลืมล่องเรือคายัคลอดอุโมงค์ธารน้ำเย็นเขาชัยสนด้วย หรือถ้านักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยรุ่น อยากไปล่องแก่ง ผจญภัย อยากเล่นสไลเดอร์ ก็ต้องไปที่ หนานมดแดง ซึ่งที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจของภาคเอกชนได้ด้วย โดยเฉพาะคุณโยธิน การรับผิดชอบต่อสังคมที่เค้ามีให้กับบ้านเกิดของเขา เขาเป็นบุคคลนึงที่น่ายกย่อง เพราะหนานมดแดง ของคุณโยธินเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้ามาขายอาหารให้นักท่องเที่ยวโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวที่ไม่มีกำลังซื้อก็สามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และสามารถนำอาหารเข้ามาทานเองได้ สามารถเข้ามาทำกิจกรรมได้
5. สวนสะละลุงถัน นักท่องเที่ยวสามารถชิมสะละ (สละ) ที่อร่อย และได้เรียนรู้วิธีผสมพันธุ์สละ และเมื่อถึงเวลาที่สละสุกแล้ว เราสามารถมาชิมสละที่เราผสมเกสรด้วยตัวเราเอง สิ่งเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่ให้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ และความสุข
6. อาหารห้ามพลาด ต้องชิมอาหารของคนพัทลุง แกงน้ำเคย อาหารต่างๆ ที่ทำมาจากไหลบัว รากบัว เป็นวิถีชีวิตของพัทลุง ซึ่งพัทลุงมีสระบัวแดงที่ใหญ่ที่สุด และชาวบ้านมีการอนุรักษ์บัว และนำสายบัว ไหลบัว หรือรากบัวมาใช้ดำรงชีวิต ด้วยการประกอบอาหารต่างๆ โดยไม่กระทบต่อระบบนิเวศน์ ขนมหวานที่ห้ามพลาดก็คือ ข้าวจี่สาคูแดง ทำสดๆ จากต้นสาคู ขากลับก็ไม่ควรพลาดของฝากจากกระจูด มีตั้งแต่ราคาย่อมเยาว์จนถึงราคาส่งออก ข้าวสังข์หยด กล้วยตาก ที่นี่โดดเด่นและอร่อย ปลาดุกร้า ก็ไม่ควรพลาดค่ะ
คำแนะนำในการท่องเที่ยว อยากสัมผัสบรรยากาศแบบไหน ควรเดินทางเดือนอะไร?
คือจริงๆ แล้วนะคะ การเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุง ถ้ากิจกรรมต่างๆ เวลาที่เหมาะสม ความสวยงาม ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละช่วง ถ้าอยากดูทะเลบัวแดงควรมาในช่วงเดือนพ.ค. แต่จริงๆ แล้วเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยสามารถมาได้ทั้งปี เพียงแต่ว่าช่วงเวลาไหนจะดูอะไร แต่ในเรื่องดูนก ดูควายน้ำ ดูได้ตลอด วิถีการยกยอยักษ์ที่ปากประ ก็สามารถดูได้ตลอด กิจกรรมที่หนานมดแดง การล่องเรือลอดธารน้ำเย็นที่เขาชัยสน สามารถทำได้ทั้งปี แต่ช่วงที่เหมาะสมคือช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝน ซึ่งฤดูฝนของที่นี่ก็จะเป็นช่วงเดือน พ.ย. - ธ.ค. แต่ขอย้ำว่า พัทลุงสามารถเที่ยวได้ทั้งปีค่ะ (ไฮซีซั่นคือช่วงไหน?) จริงๆ แล้วไม่ว่าจะพัทลุง หรือนครศรีธรรมราช ยกเว้นช่วงฝนตกชุก สามารถท่องเที่ยวได้ตลอด อัตราการเข้าพัก 60% ค่ะ
สิ่งที่อยากบอก หรือฝากถึงนักท่องเที่ยวที่กำลังตัดสินใจว่า จะไปเที่ยวที่ไหนดี?
ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทางว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหน จังหวัดพัทลุง และนครศรีธรรมราช มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย และกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนทั้ง 2 จังหวัด ให้ท่านได้เลือกมาเป็นแหล่งเรียนรู้ หาประสบการณ์ให้กับตัวเอง มาสัมผัสความสุข ท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ท่านสามารถมาพักผ่อนและหาความสุขได้ตลอดทั้งปีค่ะ
นักท่องเที่ยวที่จะมาควรเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง หรือถ้ามีเหตุขัดข้อง ต้องการความช่วยเหลือจะประสานไปที่ไหน?
สำหรับนักท่องเที่ยวนะคะ ถ้าท่านต้องการข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมหรือมีปัญหาจากการท่องเที่ยว สามารถสอบถามเข้ามาที่ ททท.นครศรีธรรมราชได้ที่หมายเลยโทรศัพท์ 075-346515-6 หรือติดต่อผ่านเฟซบุ๊กของ ททท.นครศรีธรรมราชได้ ตลอดเวลานะคะ ที่สำคัญหากมีเหตุขัดข้องอะไรก็สามารถประสานงานกับทางตำรวจได้ ไม่ว่าจะเป็น 1155 ของตำรวจท่องเที่ยว หรือข้อมูลทั่วๆ ไป ก็สามารถโทร 1672 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่สามารถสอบถามข้อมูลได้ตลอดเวลา หรือมีเหตุด่วนเหตุร้าย เหตุขัดข้องจะสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทร 191 สามารถติดต่อได้ทุกช่องทางนะคะ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และพัทลุง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เราพร้อมจะอำนวยความสะดวกและดูแลท่านให้มาพักผ่อนในพื้นที่เราอย่างมีความสุขค่ะ
“นครศรีธรรมราช หรือพัทลุง เป็นจุดหมายของการมาพักผ่อน และมีความสุขที่คอยต้อนรับท่านอยู่ทุกเวลาค่ะ" คำคมส่งท้ายจาก นางสาวลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช และ พัทลุง