สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อช่วงคืนวานนี้ (5 มิ.ย.) เกาหลีเหนือประกาศจะถอนตัวจากสำนักงานติดต่อประสานงานระหว่างเกาหลี เนื่องจากเกาหลีใต้ไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอที่จะหยุดยั้งกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่โปรยใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเปียงยางเข้าไปในดินแดนของเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวกลางเกาหลีรายงานว่า โฆษกทบวงแนวร่วมแห่งคณะกรรมการกลางพรรคแรงงาน (CCWP) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ ได้ประกาศการตัดสินใจดังกล่าว
โฆษกระบุว่า "เมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) คิม โย จอง รองผู้อำนวยการคนแรกของคณะกรรมการกลางพรรคแรงงาน ได้ให้คำแนะนำแก่เกาหลีใต้ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเริ่มตรวจสอบการดำเนินการตามเนื้อหาที่ระบุในคำแถลงให้บรรลุผล"
เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) คิม โย จอง น้องสาวของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้ประกาศเตือนรัฐบาลกรุงโซลว่า เกาหลีเหนือจะปิดสำนักงานติดต่อประสานงาน หรือถอนตัวจากข้อตกลงทางทหารระหว่างเกาหลีเมื่อปี 2561 หากเกาหลีใต้ไม่จัดการอย่างรวดเร็วกับพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร อาทิเช่น การส่งใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเปียงยางเข้าสู่เกาหลีเหนือ
"เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา มีใบปลิวต่อต้านเกาหลีเหนือถูกโปรยออกมาอย่างเปิดเผย มีการทิ้งขยะสกปรกจากเกาหลีใต้เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งบั่นทอนกำลังใจเรามากพอที่จะตระหนักถึงข้อสรุปที่ชัดเจนว่าศัตรูก็ยังคงเป็นศัตรู" โฆษกกล่าว
ดังนั้น "สิ่งแรกที่เราจะทำคือ ยกเลิกสำนักงานติดต่อประสานงานระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมแกซอง" โฆษกกล่าว พร้อมเสริมว่า หลังจากนี้ก็จะมีมาตรการลงโทษเพิ่มเติม
"ประชาชนของเรารู้สึกโกรธแค้น และรังเกียจกับการแจกใบปลิวต่อต้านเกาหลีเหนือ โดยเป็นฝีมือของ 'ผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ' รวมถึงการที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เมินเฉยต่อปัญหานี้" คำแถลงระบุ
โฆษกย้ำว่า "เราไม่ปิดบังว่า เรามีแผนที่จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อขจัดการยั่วยุจากเกาหลีใต้ พร้อมทั้งปิดช่องทาง และยกเลิกการติดต่อกับเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง"
ทั้งนี้ หลังจากที่คิม โย จอง ประกาศแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) ทางด้านเกาหลีใต้ก็ได้ออกมาให้คำมั่นว่า จะใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อระงับการโปรยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อเข้าไปในพื้นที่ของเกาหลีเหนือ