กลยุทธ์ใดบ้างที่บริษัทสามารถร่วมมือกับ TikTok ได้ โซเชียลเน็ตเวิร์กมีเครื่องมืออะไรที่จะช่วยดึงดูดผู้ใช้งาน ทำอย่างไรให้การลงทุนโฆษณาใน TikTok มีประสิทธิภาพ เราพบเห็นคำถามเหล่านี้เกี่ยวกับ TikTok อยู่ตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok การใช้สื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ต่างก็มีกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างกันไป ในการเพิ่มคุณค่าของแบรนด์ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กลยุทธ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้ถูกนำมาอธิบายอย่างครบครันในหนังสือ "การตลาด TikTok" ผลงานการเขียนของอิลาเรีย บาร์บอตต์ ดิจิทัลพีอาร์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดีย ซึ่งตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Hoepli
เนื่องในโอกาสเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ เว็บไซต์ www.mffashion.com จึงถือโอกาสสัมภาษณ์ผู้เขียนถึงความสัมพันธ์ระหว่างแอปพลิเคชันนี้จากบริษัทไบต์แดนซ์ กับโลกแห่งแฟชันและสินค้าหรูหรา
*อะไรเป็นเหตุผลที่คุณตัดสินใจเขียนหนังสือเกี่ยวกับ TikTok
ในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2562 โซเชียลมีเดียชื่อดังจากประเทศจีนเจ้านี้ได้รับความนิยมอย่างมากในอิตาลี เหล่าเซเลปคนดังมากมายเริ่มหันมาเล่น TikTok ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจที่จะเขียนหนังสือภาษาอิตาลีเล่มแรก ที่อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับแอปพลิเคชันใหม่นี้ โดยก่อนหน้านี้ในปี 2558 ฉันเคยเขียนหนังสือแนวเดียวกันนี้ของอินสตาแกรมมาแล้ว
*คุณให้คำนิยาม TikTok อย่างไร
TikTok คือแอปพลิเคชันชื่อดังจากประเทศจีน คุณสามารถถ่ายและแบ่งปันคลิปวิดีโอสั้นๆ ลงบนโลกออนไลน์ และกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่ฉันคิดว่า TikTok ยังต้องสร้างการเติบโตต่อไปได้ จากมุมมองเชิงธุรกิจ การโฆษณา และเนื้อหา
*กลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันของ TikTok คือใคร
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ หรือประมาณ 40% ของแอปพลิเคชันนี้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ช่วงอายุของผู้ใช้งานหลักอยู่ที่ 12-29 ปี มีสัญญาณบางอย่างแสดงให้เราเห็นว่าผู้ใช้กำลังเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หนทางที่จะเดินไปนั้นยังอีกยาวไกล
*ช่วยเผยข้อมูลบางอย่างที่ยืนยันถึงความสำเร็จระดับโลกของ TikTok ได้หรือไม่
หากดูข้อมูลทางการของเดือน ธ.ค. 2562 มันมีข้อมูลบนโลกออนไลน์มากมาย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ โดยจากการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดของเซนเซอร์ ทาวเวอร์ บริษัทวิจัยตลาดแอปพลิเคชันมือถือ ระบุว่า ในเดือนก.พ. 2563 เพียงแค่เดือนเดียว แอปพลิเคชัน TikTok ใน App Store และ Google Play ถูกดาวน์โหลดโดยผู้ใช้งานไปแล้วกว่า 113 ล้านคนทั่วโลก และการยอดดาวน์โหลด TikTok ได้แซงหน้า WhatsApp และ Facebook แล้ว
ยอดการดาวน์โหลดของ TikTok เพิ่มขึ้นถึง 96% ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในความเป็นจริงแล้ว การเล่น TikTok ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความเพลิดเพลินและหลีกหนีโลกแห่งความจริง
ประเทศที่มีการเล่น TikTok อย่างแพร่หลายมากที่สุดคืออินเดีย โดยมียอดการดาวน์โหลดอยู่ที่ 46.6% ซึ่งคิดเป็น 41.3% ของยอดการดาวน์โหลดทั่วโลก ตามมาด้วยบราซิล ซึ่งมียอดดาวน์โหลดที่ 9.7 ล้านครั้ง และสหรัฐอเมริกาที่ 6.4 ล้านครั้ง
ในอิตาลี แอปพลิเคชัน TikTok มียอดผู้ใช้งานในเดือนพ.ย. 2562 แตะ 2 ล้านคน และเพิ่มมาเป็น 7 ล้านคนในช่วงเดือนแรกของปี 2563 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่โตขึ้นอย่างมาก
ข้อมูลจากเซนเซอร์ทาวเวอร์ระบุว่า ในเดือนก.พ. 2563 TikTok มีรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้น 784.2% แตะ 50.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.56 พันล้านบาท) ด้วยปัจจัยนี้ ทำให้ TikTok กลายเป็นแอปพลิเคชันที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 หากไม่นับรวมแอปพลิเคชันเกม รองจาก Tinder และ Youtube โดยรายได้ 91% จากทั้งหมดมาจากประเทศจีน ขณะที่รายได้จำนวน 3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 93 ล้านบาท) มาจากสหรัฐอเมริกา และอีก 216,000 ดอลลาร์มาจากสหราชอาณาจักร ข้อมูลนี้แม้จะมีนัยสำคัญ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุล ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ คาดว่าในไม่กี่เดือนนี้ สำนักงานขายของ TikTok จะเปิดตัวในเมืองมิลานอย่างแน่นอน
*แฟชันและแบรนด์ระดับไฮเอนด์กำลังก้าวเข้ามาสำรวจจักรวาล TikTok ใช่ไหม
เช่นเดียวกันกับแวดวงโซเชียลเน็ตเวิร์ก อุตสาหกรรมแฟชันนั้นเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หากเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าไฮเอนด์ ยกตัวอย่างเช่น Dolce & Gabbana ถือเป็นแบรนด์แรกที่จัดแคมเปญให้ชาว TikTok หรือ TikToker ที่มีชื่อเสียงจากอเมริกาและยุโรป ได้เดินอวดโฉมบนรันเวย์ของแบรนด์ ทั้งยังมีการสร้างคอนเทนต์พิเศษต่างๆในบัญชีทางการของแบรนด์ร่วมกันกับเหล่า TikToker อีกด้วย อีกหนึ่งแบรนด์หรูอย่าง Ralph Lauren ก็ทำโปรเจกต์ระดับโลกด้วยคอนเทนต์และชาเลนจ์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน
แม้อุตสาหกรรมแฟชันและสินค้าหรูหราเริ่มหันมาสนใจแพลตฟอร์ม TikTok มากขึ้น แต่ก็ยังมีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้น ทำให้ตอนนี้ยังไม่มีกรณีศึกษาเชิงสร้างสรรค์และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากข้างต้น ดังนั้นจึงยังมีที่ว่างเหลืออีกมากมายสำหรับแบรนด์ที่ต้องการแจ้งเกิดในฐานะบริษัทผู้มีความคิดสร้างสรรค์ในวงการสินค้าลักชัวรี
*โปรเจกต์ใดบ้างที่แบรนด์ควรจะทำบนเครือข่ายสังคมออนไลน์
มีตัวเลือกหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการเสียเงินทำโฆษณา โดยใช้รูปแบบโฆษณาต่างๆ กันไป และที่นิยมทำกันมากที่สุดก็คือการติดแฮชแท็กชาเลนจ์ การร่วมงานกับเหล่าคนดังใน TikTok ซึ่งเป็นการตลาดโดยอินฟลูเอนเซอร์แบบที่เคยทำกันกับกลุ่มคนหนุ่มสาว นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการสอดแทรกสินค้าหรือแบรนด์แฝงไว้ในสื่อ เช่น การแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์กับ TikToker ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก หรือสุดท้ายคือการถ่ายทอดสดออนไลน์แบบรายบุคคลในปัจจุบัน
*อะไรคือจุดแข็งของ TikTok
ระบบอัลกอริทึมที่มีการให้ผลตอบแทน ใครก็สามารถทำคลิปที่มียอดผู้เข้าชมเป็นล้านได้ ทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ซึ่งก็คือกลุ่มเจเนเรชัน แซท (Gen Z) นอกจากนี้ TikTok ยังมีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อแพลตฟอร์มอื่นๆที่แข็งแกร่งกว่าในปัจจุบัน อย่าง Instagram รวมถึงต่อเทรนด์ใหม่ๆ ที่ทุกคนรู้จักดี
*แล้วจุดอ่อนของ TikTok คืออะไร
การลงทุนทางโฆษณานั้นมีราคาสูงมาก หนึ่งครั้งมีขั้นต่ำอยู่ที่ 30,000 ยูโร (ราว 1,062,770 บาท) ส่วนการไลฟ์สดนั้นสามารถทำได้เพียงคนเดียว ไม่สามารถไลฟ์สดคู่กัน 2 คนได้ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของบุคคลยังคงน้อยเกินไป
แม้ผู้เชี่ยวชาญในวงการแฟชันจะกล่าวว่าเนื้อหาใน TikTok นั้นตลกเกินไป คลิปวิดีโอต่างๆ ล้วนมีพื้นฐานมาจากการให้ความบันเทิงผ่านรูปแบบของดนตรี ด้วยเหตุนี้ทำให้ TikTok ไม่สามารถใช้กับสินค้าที่ต้องการความจริงจังได้ดังเช่น Instagram
แต่ฉันเชื่อว่าทุกผลิตภัณฑ์สามารถถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความคิดสร้างสรรค์ได้ สินค้าหรูหราก็เช่นกัน ขอแค่มีความมุ่งมั่นและสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจออกมา เพื่อสื่อสารตัวตนของแบรนด์ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ปัจจุบัน แอปพลิเคชัน TikTok มีช่องส่วนตัวของผู้ใช้งานจำนวนมากที่นำเสนอข้อมูล เผยแพร่ผลงาน พูดคุยเกี่ยวกับความรู้ในสาขาต่างๆ เช่นจิตวิทยา ข่าวสาร เทคโนโลยี อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น หากเราสามารถจับทางได้ ช่อง TikTok ของเราก็สามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องพึ่งคลิปตลกหรือคลิปฉาบฉวย
*ข้อแนะนำของคุณต่อแบรนด์แฟชันที่ต้องการเฉิดฉายใน TikTok
แน่นอนว่าต้องเป็นการร่วมงานกับ TikToker ยอมรับการสนับสนุนจากพวกเขาในการสร้างเนื้อหาที่สามารถสื่อสารได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายโดยกลุ่มคนที่ "พูดภาษาเดียวกัน" นอกจากนี้ ความคิดสร้างสรรค์ที่มากพอและการหมั่นตั้งคำถามกับตัวเองก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
*คิดว่า TikTok จะเอาชนะ Instagram ในแง่ของความสำเร็จและกลุ่มเป้าหมายได้ไหม
ฉันไม่คิดเช่นนั้น อย่างน้อยในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ Instagram จะยังทำอะไรได้อีกมาก และจะยังคงเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ถูกใช้งานและได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะ Instagram มีทางเลือกให้มากมาย ทั้งยังมีเนื้อหาและรูปแบบหลายประเภท ผู้ใช้งาน 2 คนไลฟ์สดพร้อมกันได้ สามารถอัปโหลดรูปภาพและวิดีโอได้ ยิ่งไปกว่านั้น Instagram ยังเป็นแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์มากกว่ารวมถึงมีระบบโฆษณาที่พร้อมกว่า สำหรับแบรนด์ทั้งหลาย
TikTok ยังคงมีการเติบโตในแง่ของธุรกิจและการตลาด ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาคิดเรื่องการเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ใช้งาน ตอนนี้พวกเขาต้องมุ่งไปที่ผู้ประกอบการ แบรนด์ โฆษณา และเนื้อหาที่แตกต่างหลากหลาย เราจะเห็นกันได้ว่าความท้าทายนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร
แน่นอนว่าในปี 2563 TikTok จะเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หากในช่วงปี 2564-2565 นี้ TikTok ไปได้สวยและได้เรียนรู้มากขึ้นจากการเพิ่มทางเลือกและเพิ่มยอดผู้เข้าชมให้แก่แบรนด์ต่างๆ ก็อาจจะสร้างแรงสะเทือนต่อบัลลังก์ของราชาแห่งโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram ได้