สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์จีนหลายรายต่างมีมุมมองแง่ดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน โดยพวกเขาชี้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะกลับเข้าสู่การเติบโตเชิงบวกในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวระลอกใหม่หลังผ่านพ้นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโรคโควิด-19
นายหลี่ เฉา นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทเจ้อซาง ซีเคียวริตีส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ของจีน คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนจะเริ่มขยายตัวในไตรมาส 2 และจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าร้อยละ 6 ในไตรมาส 3 และ 4 หลังจากที่หดตัวลงในไตรมาสแรก
นายหลี่ระบุว่า ในแง่ของอุปทาน การทำงานและการผลิตเริ่มกลับมาดำเนินการในเบื้องต้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังจะเห็นได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ขยายตัวเหนือเส้นแบ่งภาวะการหดตัว-ขยายตัว 4 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็กำลังฟื้นตัว
นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจยังจะได้แรงหนุนจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังฟื้นตัว รวมถึงภาคการบริโภคและการส่งออกที่เริ่มเข้าสู่ภาวะอุ่นเครื่อง
อย่างไรก็ตาม นายหลี่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า จีนไม่ได้กำหนดเป้าหมายพิเศษของการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปี 2563 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจะไม่มีการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่
นายหลี่เสริมว่า รัฐบาลจีนมีเป้าหมายที่จะประสานนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านการจ้างงานและรับรองมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ ขณะเดียวกันก็จะเข้าไปสนับสนุนโครงการสำคัญๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางให้ก้าวผ่านความยากลำบาก และนำพาประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายหลี่ สอดคล้องกับที่นายฮั่ว ฉางชุน นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์ กั๋วไท่ จวินอัน ซีเคียวริตีส์ ที่ออกมาระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจในเดือนพ.ค.นับเป็นรากฐานแข็งแกร่งที่จะนำไปสู่เปลี่ยนแปลงเชิงบวกของเศรษฐกิจจีน