สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์แอลบีซีไอ ทีวี ของเลบานอน รายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลการสืบสวนเบื้องต้นเหตุระเบิดใหญ่ในกรุงเบรุตชี้ให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่อขั้นร้ายแรง โดยไม่พบสัญญาณบ่งบอกการโจมตีด้วยขีปนาวุธหรือเครื่องบินรบ
ผลการสืบสวนข้างต้นไม่ได้ระบุว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นโดยเจตนาหรือไม่ แต่พบพฤติกรรมหละหลวมอย่างร้ายแรงในโกดังที่ท่าเรือกรุงเบรุต ซึ่งกักเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรตกว่า 2,700 ตัน ร่วมกับดอกไม้ไฟ น้ำมันก๊าด เมธิลีน และไนโตรเจนรวม 24 ตัน
แหล่งข่าวเผยว่า สารแอมโมเนียมไนเตรตเพียงอย่างเดียวไม่สามารถก่อให้เกิดเหตุระเบิดใหญ่ได้ แต่การเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรตรวมกับสารเคมีชนิดอื่น ๆ อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้
นอกจากนี้ ผลการสืบสวนยังพบว่ามีแรงงาน 3 คนเชื่อมโลหะอยู่ที่โกดัง และออกจากพื้นที่หลัง 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราวหนึ่งชั่วโมงก่อนเกิดเหตุระเบิด
ช่วงต้นเดือนส.ค. กัสซัน อัล-ฮูรี อัยการสูงสุดของเลบานอน ออกคำสั่งจับกุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของท่าเรือเบรุต 3 ราย ฐานไม่สามารถจัดการกับสารแอมโมเนียมไนเตรตและสารเคมีอื่น ๆ อย่างเหมาะสม โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสามได้แก่ บาดรี แดแฮร์ ผู้อำนวยการฝ่ายศุลกากร, ชาฟิก เมอร์ฮี อดีตผู้อำนวยการฝ่ายศุลกากร และฮัสซัน โคเรย์เทม ผู้อำนวยการท่าเรือเบรุต
ทั้งนี้ เหตุระเบิดใหญ่สองครั้งซ้อนที่ท่าเรือเบรุตเมื่อวันที่ 4 ส.ค. สร้างแรงสั่นสะเทือนเขย่าอาคารทั่วกรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 177 ราย และผู้บาดเจ็บ 6,000 ราย โดยผู้ว่าการกรุงเบรุตประเมินว่ามีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.11 แสนล้านบาท)